เรื่องเด่น เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๖๘

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 24 กรกฎาคม 2025 at 18:48.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    22,630
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,814
    ค่าพลัง:
    +26,680
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๖๘


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    22,630
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,814
    ค่าพลัง:
    +26,680
    วันนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๒๔ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ กระผม/อาตมภาพต้องไปตรวจยกหมู่บ้านวัดจากแดง ตำบลทรงคนอง อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ ขึ้นเป็นหมู่บ้านรักษาศีล ๕ ต้นแบบ

    แต่แทนที่วันนี้จะเล่าเรื่องเกี่ยวกับการตรวจยกหมู่บ้านจากแดง ซึ่งทำทุกอย่างได้ดีเลิศประเสริฐศรีมาก กลับอยากจะพูดถึงเรื่องร้อนทางชายแดนของเรา ซึ่งโดนเขมรยั่วยุทุกรูปแบบ เมื่อเห็นทหารไทยไม่ลงมือ ก็เปิดฉากยิงก่อนเลย เพราะว่าตั้งใจจะก่อสงคราม เพื่อยกเอาผู้นำของตนขึ้นเป็นวีรบุรุษ จะได้รับการสนับสนุนให้ครองตำแหน่ง ครองอำนาจกันต่อไป..!

    เหตุที่ต้องมากล่าวถึงก็เพราะว่าตอนนี้วัดต่าง ๆ ตามชายแดนก็ดี วิทยาลัยสงฆ์ตามแนวชายแดนก็ตาม ได้เปิดสถานที่ให้ชาวบ้านที่หนีภัยสงครามเข้าไปพักพิงฟรี แถมยังมีอาหารให้อีกต่างหาก ท่านทั้งหลายจะเห็นว่า ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์ที่เกิดจากภัยธรรมชาติก็ดี หรือว่าโรคภัยไข้เจ็บอย่างโควิด ๑๙ ก็ตาม ในขณะที่หน่วยราชการยัง "อืดเป็นเรือเกลือ" ทางด้านพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์ ตลอดจนกระทั่งคณะสงฆ์ไทย ก็ได้เข้าไปอำนวยความสะดวก ช่วยเหลือญาติโยมผู้เดือดร้อนต่าง ๆ ก่อนเขาแล้ว

    นี่ยังไม่นับพี่น้องกู้ภัยหน่วยต่าง ๆ ที่ทุ่มเททั้งแรงกาย แรงใจ และงบประมาณ บางทีกระทั่งที่นอนก็ไม่มี แต่ขอไปทำงานแบบ "ตายเอาดาบหน้า" ถ้าไม่มีใครเมตตาให้ที่นอน ก็ยินดีที่จะ "นั่งหลับนก" ข้างถนนเอา..!

    ที่ต้องมากล่าวเรื่องเหล่านี้ในลักษณะ "ดราม่า" ก็เพราะว่ามีบุคคลออกมากล่าวว่าให้เลิกทำบุญกับทางวัด ให้ไปทำบุญกับโรงเรียนหรือโรงพยาบาลดีกว่า กระผม/อาตมภาพอยากจะถามว่า คนพูดเข้าใจบริบทของวัด ของโรงเรียน ของโรงพยาบาลแค่ไหน ?

    โรงเรียนได้รับงบประมาณรายหัวจากกระทรวงศึกษาธิการ ได้รับเงินเดือนของผู้บริหารและครูบาอาจารย์จากงบประมาณแผ่นดิน โรงพยาบาลได้รับงบประมาณแผ่นดินสนับสนุน แต่วัดไม่มีอะไรเลย นอกจากนิตยภัตเจ้าอาวาส ซึ่งถ้าไม่มีสมณศักดิ์ตำแหน่งแห่งที่อื่น ก็จะอยู่ที่เดือนละ ๑,๘๐๐ บาท..!
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    22,630
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,814
    ค่าพลัง:
    +26,680
    แล้วท่านทั้งหลายที่กล่าวว่า "ไม่ควรที่จะไปทำบุญ เพราะว่าวัดรวยแล้ว" กระผม/อาตมภาพอยากจะถามว่า ถ้าวัดรวยจริง แล้วทำไมถึงมีวัดร้างทั่วประเทศ ๖,๐๐๐ - ๗,๐๐๐ วัด ? และเริ่มจะร้างมากขึ้นเรื่อย ๆ ความรวยไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนต้องการหรือ ? แล้วทำไมถึงได้ทอดทิ้งความรวยนั้นไป ?

    สิ่งที่ท่านทั้งหลายพูดหมายถึงวัดประมาณ ๕ - ๑๐ เปอร์เซ็นต์ภายในประเทศไทย ซึ่งมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ มีครูบาอาจารย์ขลัง ทำให้ญาติโยมแห่แหนกันไปทำบุญ วัดทั่วประเทศไทย ๔๐,๐๐๐ กว่าวัด มีวัดประเภทนั้นอยู่อย่างเก่งก็ไม่เกิน ๒,๐๐๐ วัด แต่ท่านไปเหมาเอาว่า ทั้ง ๔๐,๐๐๐ กว่าวัดรวย..!

    โดยเฉพาะบุคคลที่กล่าวในลักษณะที่ว่า "บวชพระแล้วสบาย บ้านไม่ต้องเช่า ข้าวไม่ต้องซื้อ ภาษีไม่ต้องเสีย บวช ๑๐ ปีมีเงินมากกว่าตัวเองทำงานทั้งชีวิต..!" ขอถามจริง ๆ เถอะ ถ้ามีเรื่องสบายแบบนั้นแล้วท่านทำไมไม่ไปบวช ? ดีแต่เห่าหอนอยู่ด้านนอก..! ปล่อยให้คนอื่นช่วยกันกระทืบเหยียบย่ำพระพุทธศาสนา ไม่ได้ดูบริบทเลยว่าสังคมไทยเป็นอย่างไร

    ถ้าหากว่าไม่มีวัดวาอาราม ไม่มีพระช่วยสอนศีลธรรม ช่วยกล่อมเกลาจิตใจ ท่านลองนึกดูว่าเด็กวัยรุ่นยุคใหม่จะไปทางไหน ? แค่ทุกวันนี้ก็หลุดโลกมากแล้ว ขณะเดียวกัน บุคคลที่ทำผิดศีลผิดธรรม ไม่ว่าจะตีด่าฆ่าแกงกันก็ดี ติดสุรายาเสพติดก็ตาม ก็จะเข้าไปอยู่เต็มโรงพยาบาล แล้วโรงพยาบาลจะรับมือไหวไหม ? นี่คือเรื่องที่ท่านทั้งหลายมักจะพูดในลักษณะ "ตีหัวเข้าบ้าน" ไม่เคยที่จะคิดให้รอบคอบ กูขอแสดงความคิดเห็นเอามันไว้ก่อน..!

    แล้วก็วันนี้เองที่เพิ่งจะมีข่าวถึงคณะสงฆ์ ที่รัฐมนตรีผู้รับผิดชอบเกี่ยวกับงานพระพุทธศาสนาตั้งคณะกรรมการขึ้นมา เพื่อที่จะดำเนินการปรับปรุงพระพุทธศาสนา ด้วยการออกกฎหมายก็ดี ข้อห้ามข้อบังคับก็ตาม ในการที่จะทำให้คณะสงฆ์ของเราเข้ารูปเข้ารอยให้เร็วที่สุด แต่ดันไปตั้งฆราวาสเป็นกรรมการล้วน ๆ

    แม้แต่บุคคลที่พอมีความรู้ทางพระพุทธศาสนาบ้าง ก็ยกไว้เป็นที่ปรึกษาโก้ ๆ เท่านั้น เชื่อเถอะว่าไม่มีการปรึกษาอย่างแน่นอน..! แล้วท่านทั้งหลายลองคิดดูว่า ฆราวาสที่มีการบวชบ้าง ไม่บวชบ้าง ไม่มีความศรัทธาในพระพุทธศาสนา เขาทั้งหลายเหล่านั้นจะเข้าใจพระธรรมวินัยหรือไม่ ? อย่าลืมว่ากฎหมายที่ออกมาจะต้องไม่ขัดกับพระธรรมวินัยในพระพุทธศาสนา
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    22,630
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,814
    ค่าพลัง:
    +26,680
    กระผม/อาตมภาพกำลังรอดูว่า สิ่งที่ท่านทั้งหลายทำเหมือนกับหวังดี ปรารถนาดี ต่อพระพุทธศาสนานั้น เมื่อถึงเวลาแล้วจะเป็นการทำลายพระพุทธศาสนาอย่างถึงรากถึงโคนหรือเปล่า ? กฎหมายที่ท่านทั้งหลายออกมาบังคับให้เด็กต้องได้รับการศึกษาพื้นฐานครบ ๑๒ ปี ก็ทำให้แทบจะไม่มีสามเณรเอาไว้สำหรับสืบทอดพระพุทธศาสนาแล้ว เมื่อได้รับการแก้ไขขึ้นมา ยังไม่ทันจะเข้ารูปเข้ารอย ท่านทั้งหลายก็ออกกฎอื่นเพิ่มขึ้นมาอีก..!

    อยากจะถามท่านทั้งหลายจริง ๆ ว่า สิ่งที่ท่านทั้งหลายเห็นนั้น พระเณรของเรา ต้องบอกว่าเลวร้ายจนกระทั่งรับไม่ได้เลยหรือ ? หน่วยงานอื่นไม่มีข้าราชการคอรัปชั่น มีแต่ผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างซื่อสัตย์สุจริต นักการเมืองของเราไม่มีการซื้อเสียง ไม่มีการกอบโกยโกงกินงบประมาณของชาติเลยหรือไร ? ถ้าในลักษณะอย่างนั้นจริง กระผม/อาตมภาพเชื่อว่าบ้านเราเมืองเราคงเจริญกว่าประเทศญี่ปุ่นไปนานแล้ว ไม่ใช่ล้าหลังอยู่อย่างนี้..!

    แล้วในปัจจุบันนี้สิ่งที่เห็นก็คือ เมื่อความเดือดร้อนเกิดขึ้นกับพี่น้องร่วมชาติ ไม่ว่าจะน้ำท่วมที่จังหวัดน่านก็ดี หรือว่าสงครามที่ชายแดนก็ตาม คณะสงฆ์ของเราเคลื่อนไหวเร็วที่สุด ระดมบริจาคข้าวของเงินทอง ส่งไปช่วยที่จังหวัดน่านก่อนเป็นลำดับแรก ตอนนี้กำลังระดมข้าวของทั้งหลาย เพื่อส่งไปช่วยญาติโยมและทหารหาญที่อยู่แนวหน้า อยากจะถามว่าหน่วยราชการไหนทำงานได้เร็วเท่ากับคณะสงฆ์บ้าง ? นอกจากบรรดาบรรเทาสาธารณภัยที่ไปกู้ภัยด้วยกำลังใจของตนเท่านั้น แถมยังมีข้อบังคับสารพัดมากดดัน จนกระทั่งเขาแทบจะทำงานกันไม่ได้..!

    ในเมื่อท่านทั้งหลายคิดว่าดี และคิดว่าทำให้พระพุทธศาสนาดีขึ้นจริง ท่านก็ลองทำดูเถิด อีกไม่กี่ปีเท่านั้น เชื่อว่าพระพุทธศาสนาของเราก็คงจะเรียวปลายลงไปทุกที วัดวาอารามก็คงจะร้างมากยิ่งขึ้น สิ่งที่เราภาคภูมิใจว่าประเทศของเราเป็นประเทศพระพุทธศาสนา ก็จะเหลือแค่พระพุทธศาสนาตามปากเท่านั้น..!
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    22,630
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,814
    ค่าพลัง:
    +26,680
    และโดยเฉพาะสิ่งที่น่าเป็นห่วงที่สุดก็คือ มหาเถรสมาคมมีมติให้สามารถศึกษาวิชาทางโลกได้ ท่านทั้งหลายทราบหรือไม่ว่า วิชาเหล่านี้ ทางมหาวิทยาลัยสงฆ์ทั้งสองแห่งจัดมานานแล้ว แต่จัดอยู่ในลักษณะ "แอบเรียนโดยที่ปิดกันให้แซ่ด..!" เพียงแต่ว่าผู้ใหญ่ยังไม่เห็นประโยชน์ เพิ่งจะมาเห็นประโยชน์ตอนนี้เองว่า ถ้าสามารถให้พระภิกษุสามเณรมีการศึกษาก็จะรู้เท่าทันโลกมากกว่านี้ แต่ขอโทษเถอะ..บังคับว่าเจ้าอาวาสต้องสนับสนุนการศึกษาของพระเณรทุกอย่าง แต่มีข้อแม้ไม่ทำบุญกับวัดบ้าง ไม่ให้รับเงินบ้าง รับเงินแล้วจะต้องมีผู้มาควบคุมอย่างเข้มงวดบ้าง..!

    สิ่งที่ท่านทั้งหลายได้ออกกฎมาบ้าง ออกมติมาบ้าง ทำให้พระของเราอยู่ยากขึ้นทุกวัน อยากจะบอกว่าเรื่องเหล่านี้ แทบไม่ต้องใช้ความสามารถอะไรเลย เนื่องเพราะว่ามีอะไรก็โยนลงไปให้พระผู้น้อย ในลักษณะที่บังคับให้ทำอย่างโน้น ให้ทำอย่างนี้ โดยที่พระผู้ใหญ่ของเราเอง ถ้าไปเจอสถานการณ์แบบนั้น ก็ไม่แน่เหมือนกันว่าตนเองจะทำได้หรือเปล่า ?!

    ในเรื่องของการศึกษาทางโลกนั้น มีแต่จะทำให้คนห่างไกลหลักธรรมออกไป เพราะว่าอันดับแรก มัวแต่เรียนอยู่ โอกาสที่จะประพฤติวัตรปฏิบัติธรรมก็ย่อหย่อนลงไป ไม่ใช่ว่าเข้มงวดแบบวัดท่าขนุน ที่บังคับให้ทุกรูป แม้ว่าจะเรียนนักธรรม เรียนบาลี หรือเรียนปริยัติสามัญ ก็ต้องทำวัตรเช้าเย็นวันละ ๓ รอบ ต้องเจริญพระกรรมฐานด้วยกัน ต้องบิณฑบาตทุกวัน

    แล้วท่านคิดว่าวัดอื่น ๆ จะสามารถบังคับพระภิกษุสามเณรได้หรือ ? ส่วนใหญ่ก็ต้องตามใจยิ่งกว่าพ่อ..! เพื่อที่ให้พระภิกษุสามเณรอยู่กับตนได้ ถ้าในลักษณะอย่างนั้น การเรียนก็มีแต่จะทำให้วัตรปฏิบัติย่อหย่อนลง ทำให้กิเลสต่าง ๆ กำเริบขึ้น เมื่อไปเจอสิ่งกระทบก็จะกลายเป็นว่า ไม่สามารถที่จะสู้ได้ แล้วก็ก่อความเสียหายให้เกิดกับพระพุทธศาสนาอย่างที่เห็นกัน..!
     
  6. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    22,630
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,814
    ค่าพลัง:
    +26,680
    กระผม/อาตมภาพคิดแบบโง่ ๆ ว่า ถ้าหากว่าจะเรียน ก็จะต้องไม่ทิ้งการประพฤติวัตรปฏิบัติธรรม แล้วในขณะเดียวกัน แค่สอนให้พระภิกษุสามเณรของเราละอายชั่ว กลัวบาป รักศีลของตนเอง ทุกอย่างก็จบแล้ว ไม่ใช่ว่าให้เรียนสูง ๆ แล้วก็ไปฟุ้งซ่าน อยู่ในลักษณะการดิ้นรนเพื่อที่จะมียศมีตำแหน่งมากขึ้น จนกลายเป็นที่ตำหนิติเตียนของประชาชน

    แต่ก็ยังดีตรงที่ว่าคณะสงฆ์นั้น ช่วยให้บุคคลที่ด้อยโอกาสได้รับการศึกษา เพราะว่ารัฐบาลและส่วนราชการต่าง ๆ ดูแลไม่ทั่วถึง หรือว่าตั้งใจที่จะดูแลไม่ทั่วถึง ทำให้เขาทั้งหลายเหล่านั้นมีโอกาสในการที่จะศึกษาหาความรู้ เพิ่มพูนความรู้ทางโลกให้กับตนเอง แล้วสึกหาลาเพศออกไปทำงานก็ดี หรือว่าอยู่ต่อเพื่อเป็นครูสอนคนอื่นก็ตาม อย่างน้อย ๆ ก็เป็นการสร้างความรู้ให้เกิดขึ้น กับบุคลากรที่โลกลืมในประเทศของเรา ไม่ใช่ว่าโดนทอดทิ้งกันต่อไป แต่ว่าเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ ครูบาอาจารย์ก็ต้อง "ไม่ออกนอกลู่นอกทาง" ไม่เช่นนั้นแล้วพระภิกษุสามเณรไม่มีตัวอย่างที่ดี ก็อาจจะ "แหกคอก" ไปไกล แล้วก็สร้างความเสียหายให้มากกว่าบุคคลที่ไม่มีความรู้เสียอีก..!

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันพฤหัสบดีที่ ๒๔ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...