เหรียญ 6 นัดรุ่นแรกหลวงปู่ศวัสดิ์สมเด็จวัดชิโนรสลพ.กวยเสกพระพรหมอ.ทองแถม สมเด็จลพ กวยเสกวัดชิโนรส

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Jumbo A, 17 สิงหาคม 2022.

  1. shaj

    shaj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    8,111
    ค่าพลัง:
    +7,143
    ขอจองครับ
     
  2. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,217
    ค่าพลัง:
    +21,388
    FB_IMG_1748529133284.jpg FB_IMG_1748529140296.jpg

    *** เราเป็นอาจารย์ แต่ช่วยตัวเองให้รวยไม่ได้ แล้วเราจะไปช่วยใครเขา ให้เขารวยได้ ***
    อาจารย์ใหญ่ในวิชาการ พรหมศาสตร์
    อ.ทองแถม ศาสตระรุจิ เจ้าตำหรับวิชาพรหมศาสตร์
    ในบรรดาวิชาไสยศาสตร์ เมื่อเรียนกันไปมากๆแล้ว ก็จะต้องไปสื่อกับครูบาอาจารย์ และมหาเทพและเทพยดาทั้งหลาย ครูบาอาจารย์ในอดีต ที่มีเรื่องเกี่ยวกับเทวดา เช่น อ.ชุม ไชยคีรี พ่อพราหมณ์สุทโธ ก็มีประวัติเกี่ยวข้องกับเทวดาเบื้องบน
    อ.ทองแถม ศาสตระรุจิ ว่ากันว่า วิชาพรหมศาสตร์ของท่าน ได้มาจาก องค์สมเด็จปรมาจารย์ฝ่ายพรหมศาสตร์ หลังจากนั้นไม่นาน ท่านสามารถสร้างตัว เป็นมหาเศรษฐีได้ จนทำให้ผู้ไปพบท่านที่ที่บ้าน เกิดความเคลือบแคลงไม่ได้ ว่าท่านเป็นของจริงหรือเปล่า เพราะเฉพาะเสาบ้าน ขนาดสองคนโอบ แต่เมื่อได้ฟังคำอ.ทองแถม กับทำให้เกิดศรัทธายิ่งขึ้นอีก เพราะท่านพูดว่า เราเป็นอาจารย์ แต่ช่วยตัวเองให้รวยไม่ได้ แล้วเราจะไปช่วยใครเขา ให้เขารวยได้
    พอดีแอดมินไปอ่านเจอเกร็ดประวัติอ.ทองแถม จึงได้คัดลอกให้แฟนเพจได้ทัศนา
    เนื่องในพิธีพรหมาภิเศก “องค์พรหมเทพปฏิมา” เพื่อทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เนื่องในพระราชพิธีเฉลิมฉลองพระชนมพรรษาครบ 3 รอบ ในวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2506 นี้นั้น พิธีได้กระทำขึ้น ณ เทวสถานโบสท์พราหมณ์ เสาชิงช้า พระนคร เมื่อวันที่ 18 – 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2506 โดยมีผู้เข้าร่วมพิธีหลายฝ่ายด้วยกัน อาทิ ฝ่ายสงฆ์มีสมเด็จพระสังฆราชเป็นประธาน ฝ่ายวิปัสสนาธุระมีท่านเจ้าคุณราชสิทธิ์ วัดมหาธาตุฯ เป็นประธาน ฝ่ายพราหมณ์มีพระราชครูวามเทพมุนี เป็นประธาน และฝ่ายพรหมศาสตร์มีอาจารย์ทองแถม ศาสตระรุจิ เป็นประธาน ซึ่งผู้เข้าร่วมพิธีทุกฝ่ายต่างก็ประกอบพิธีกรรมตามลัทธิของตน เพื่อความขลัง และศักดิ์สิทธิ์ของ "องค์พรหมเทพปฏิมา" เป็นสำคัญ ...
    ปรากฏว่าในระหว่างพิธีกรรมตลอดเวลา 3 วัน 3 คืนนั้น ผู้เข้าร่วมพิธีแต่ละฝ่ายต่างได้คัดตัวบุคคลซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญพิเศษมาทำการปลุกเสกทั้งสิ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งฝ่ายสงฆ์นั้นได้นิมนต์พระอาจารย์ชื่อดังจากวัดต่าง ๆ ทั่วราชอาณาจักรมาร่วมปลุกเสกโดยพร้อมเพรียง นอกจากนั้นยังนิมนต์พระเถระผู้ใหญ่ซึ่งวุฒิเปรียญ 9 ประโยคอีก 9 รูป มาเจริญพระพุทธชัยมงคลคาถาตลอดเวลา...
    พิธีพรหมาภิเศก "องค์พรหมเทพปฏิมา" ครั้งนี้เป็นพิธีที่ใหญ่ยิ่งพิธีหนึ่งในยุคปัจจุบัน ซึ่งบรรดาผู้เข้าร่วมพิธีทุกท่านต่างได้กล่าวยืนยันว่า นอกจากพระอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญของฝ่ายต่าง ๆ จะมาเข้าร่วมพิธีกันอย่างพร้อมเพรียงแล้ว ยังมีวิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์ของพระภิกษุผู้สำเร็จซึ่งมรณภาพไปแล้วกับเทพเจ้าและองค์พรหมบนสวรรค์เสด็จมาเป็นประธานในพิธีนี้ด้วยจำนวนมาก ...
    เพื่อที่จะได้ทราบรายละเอียดว่าในพิธีพรหมาภิเศก "องค์พรหมเทพปฏิมา" ดังกล่าวนี้ได้มีวิญญาณของภิกษุรูปใดเทพเจ้าองค์ใด และพระพรหมองค์ใดเสด็จมาร่วมพิธีบ้างนั้น จึงได้นัดพบกับพ.อ. สมาน วีระไวทยะ (ยศในขณะนั้น) วศบ. ทบ. หัวหน้ากองนโยบายและแผน กรมส่งกำลังบำรุงทหาร กองบัญชาการทหารสูงสุด ซึ่งเป็นเจ้าตำรับ “วิทยาศาสตร์ทางจิต” ที่ชาวไทยและต่างประเทศรู้จักดี กับเป็นผู้เชี่ยวชาญทางนั่งตรวจทางใน เพื่อนำเหตุการณ์ในวันประกอบพิธีพรหมาภิเศกมาเสนอ ดังนี้ ...
    พ.อ. สมาน วีระไวทยะ เล่าว่า ความจริงท่านไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับพิธีพรหมาภิเศกในครั้งนี้เลย แต่ในระหว่างพิธีวันที่ 19 พ.ย. นั้น ท่านได้รับคำขอร้องจากอาจารย์ชาญไชย ถาวรธารนายช่างพิเศษกระทรวงอุตสาหกรรมซึ่งเป็นท่านหนึ่งที่ไปร่วมพิธีในทางด้านฝ่ายพรหมศาสตร์ ขอให้ช่วยนั่งทางในตรวจดูว่ามีวิญญาณของผู้ใดรวมทั้งเทพเจ้าและพระพรหมองค์ใดมาเข้าพิธีบ้าง ท่านจึงได้ไปนั่งตรวจให้ข้าง ๆ พิธีในบริเวณเทวสถานแห่งนั้น ...
    พ.อ. สมาน เล่าว่า เมื่อท่านได้เริ่มนั่งทางในตรวจดูนั้นเป็นเวลาประมาณ 00.30 น. การประกอบพิธีพรหมาภิเษกของเกจิอาจารย์ฝ่ายต่าง ๆ กำลังดำเนินอยู่และในการนั่งตรวจครั้งแรกนั้นพ.อ.สมานได้ตรวจถึงวิญญาณของพระอาจารย์ต่าง ๆ ที่มรณภาพไปแล้วว่าจะมีรูปใดมาในพิธีบ้าง ...
    เมื่อนั่งหลับตาเข้าสมาธิแล้วสักครูก็เห็นว่าภาพในบริเวณเทวสถานมืดสนิทลงแล้วค่อย ๆ มีแสงสว่างจ้าเป็นประกายขึ้นโดยรอบ ทันใดนั้นก็เห็นภาพของพระอาจารย์ต่าง ๆ ปรากฏขึ้นทีละองค์ อาทิ หลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี วัดระฆังโฆษิตาราม หลวงพ่อศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า หลวงพ่อทวด วัดช้างไห้ หลวงพ่อโอภาสี อาศรมบางมด หลวงพ่อลี วัดอโศการาม และพระอาจารย์สำคัญองค์อื่น ๆ รวม 15 องค์ด้วยกัน และแต่ละองค์ได้บอกให้นายพันเอกแห่งกองทัพบกทราบว่าท่านจะได้มาร่วมในพิธีนี้ทุก ๆ วันจนเสร็จสิ้นพิธี
    ภายหลังจากได้ตรวจดูพระอาจารย์ต่าง ๆ จนทั่วถึงแล้ว พ.อ. สมานจึงได้เปลี่ยนเป็นตรวจดูเทพเจ้าที่มาในพิธีบ้าง หลังจากนั่งสมาธิก็ได้เห็นภายในบริเวณเทวสถานกลับมืดสนิทลงเหมือนครั้งที่แล้ว ชั่วครู่ต่อมาก็ปรากฏเป็นแสงสีเขียวรุ่งโรจน์ขึ้น แต่ไม่ปรากฏร่างของเทพเจ้าองค์ใดให้เห็น แต่จากแสงสีเขียวนี้ พ.อ.สมานทราบว่า เป็นแสงประจำองค์เทพเจ้าชั้นสูงหลายองค์ อาทิ
    ... พระนารายณ์ พระพิฆเณศวร์ และสมเด็จพระอัมรินทราธิราช ...
    ดังนั้นเพื่อจะขอทราบว่าเทพเจ้าองค์ใดในสามองค์นี้จะเป็นผู้เสด็จมา นายพันเอกจึงตั้งอธิษฐานขอให้ท่านเจ้าของแสงปรากฏพระองค์ให้เห็นด้วย ครั้นอธิษฐานเสร็จก็ค่อย ๆ ปรากฏร่างของเทพเจ้าองค์หนึ่งขึ้นราง ๆ และค่อย ๆ เด่นชัดขึ้นจนเห็นได้ถนัด เทพเจ้าองค์นี้มีทั้งหมด 4 กร จึงทราบได้ว่าเจ้าของแสงสีเขียวรุ่งโรจน์ที่เสด็จมานั้นคือ "องค์พระนารายณ์" หรือ "พระวิษณุเทพ" นั่นเอง พร้อมกันนั้นองค์พระนารายณ์ก็ได้ตรัสให้ พ.อ. สมานทราบเช่นเดียวกับพระอาจารย์องค์อื่น ๆ ...
    ในการตรวจทางในขั้นสุดท้าย พ.อ.สมาน ได้ตรวจว่าเทพเจ้าขั้นพรหมนั้นจะมีองค์ใดเสด็จมาบ้าง ครั้นได้ทำสมาธิและปรากฏความมืดสนิทขึ้นมาแล้ว ก็ปรากฏแสงสีขาวนวลคล้ายสีของไข่มุกเป็นประกายรุ่งโรจน์ และพร้อมกับแสงสีที่ปรากฏขึ้นนั้น นายพันเอกแห่งกองทัพบกก็ได้เห็นภาพของพระพรหมองค์สมเด็จปรมาจารย์ฝ่ายพรหมศาสตร์เสด็จมาเอง...
    เมื่อได้นั่งทางในตรวจเห็นบรรดาพระอาจารย์ต่าง ๆ รวมทั้งเทพเจ้าและพระพรหมองค์ใดที่เสด็จมาในพิธีแล้ว พ.อ.สมานจึงได้เขียนบันทึกมอบให้อาจารย์ทองแถม ศาสตระรุจิ ประธานฝ่ายพรหมศาสตร์เก็บไว้เป็นหลักฐาน
    ทั้งหมดนี้คือบันทึกที่มีขึ้นในปี พ.ศ. 2506 เป็นเรื่องอัศจรรย์ที่การเห็นการรู้ของหลาย ๆ ท่านตรงกันอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งท่าน พลโท สมาน วีระไวทยะ และอาจารย์ทองแถม ศาสตระรุจิแม้แต่การสร้างพระมหาเทพทั้งสามของวัดโกรกแก้ววงพระจันทร์ ซึ่งหลวงปู่ทิม อิสริโก วัดละหารไร่ เป็นผู้ปลุกเสก พระผงรูปพระนารายณ์ก็ยังใช้ "ผงสีเขียว" ในการสร้าง ซึ่งตรงกับสีรัศมีกายของพระองค์พอดี นับว่าผู้จัดทำมีความรอบคอบยิ่งนัก ...
    แสดงให้เห็นว่าสิ่งที่เรามองไม่เห็นนั้น ไม่ได้แปลว่าไม่มี และบางสิ่งที่เราไม่เชื่อ ก็ไม่ได้แปลว่าจะไม่มีอยู่จริงเช่นกัน ...
    ขอขอบคุณ ท่านเจ้าเรื่องและภาพ
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    เหรียญพระพรหมอาจารย์ทองแถม กะไหล่ทองลงยาสีแดง ปี ๒๕๒๙
    ให้บูชา 550 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20250529_213437.jpg IMG_20250529_213408.jpg
     
  3. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,217
    ค่าพลัง:
    +21,388
    FB_IMG_1748527765514.jpg

    หลวงปู่ดูดวงให้ฟรีทุกคนโดยเน้นหลักธรรม ตามที่ลูกศิษย์ประสบกันเล่าเป็นเสียงเดียวกันว่าหลวงปู่ดูแม่น ... มีครั้งหนึ่ง มีอาแป๊ะคนหนึ่ง อาชีพ ค้าขายอยู่ที่หน้าศาลพระกาฬ ลพบุรี ขึ้นมากราบหลวงปู่บนเขาตอนเช้า พร้อมกับขอโชคขอลาภ หลวงปู่ถามถึงวันเดือนปีเกิดสักพัก ก็บอกว่า เอ็งไม่มีดวงทางโชคลาภหรอก ตอนนี้แทงอย่างไรก็ไม่ถูก เก็บเงินไว้เลี้ยงลูกเลี้ยงเมียดีกว่า อาแป๊ะตอบว่า ไม่เป็นไรหรอกหลวงปู่ ลองดู ขอสักสองตัวเถอะ เดี๋ยวตอนบ่ายหวยจะออกแล้ว ผมจะลองไปแทงสักหน่อย หลวงปู่ย้ำอีกว่า เอ็งไม่มีดวง แล้วจะแทงถูกอย่างไร อย่าแทงเลย อาแป๊ะไม่ฟัง ขอลูกเดียว หลวงปู่รำคาญ ก็เลยบอกเล่น ๆ ให้ไป อาแป๊ะดีใจใหญ่ ลงจากเขาทันที ขณะกลับบ้านพอดีเจอเพื่อนที่ตีนเขา เลยชวนกันไปกินข้าวที่บ้านเพื่อน คุยกันจนบ่าย นึกได้ว่ายังไม่ได้แทงหวย จึงรีบไปซื้อหวย แต่ไม่ทันเวลา เขาเลิกขายหมดแล้ว
    พอดีหวยออก เลขตรงตามที่หลวงปู่ให้ อาแป๊ะแทบลมใส่ เสียใจที่ไม่ได้ซื้อ อีกสองวันต่อมา อาแป๊ะขึ้นมากราบหลวงปู่บนเขาอีก ต่อว่าหลวงปู่ว่า ไม่น่าบอกว่าไม่ถูกเลย เลยไม่ได้ด่วนซื้อ เสียดายจัง หลวงปู่หัวเราะ แล้วพูดว่า ก็กูบอกแล้วมึงก็ไม่เชื่อ อาแป๊ะเลยของวดต่อไปอีก หลวงปู่หัวเราะ ว่ามึงขนาดนี้ มึงยังไม่เชื่อกูอีกเรอะ อาแป๊ะเลยไม่กล้าขออีก หลวงปู่สอนว่า มึงดวงยังไม่มีโชค หมั่นทำบุญทำกุศลความดีไว้เถอะ เดี๋ยวความดีจะช่วยมึงเอง ทำดีย่อมได้ดี ทำชั่วย่อมได้ชั่วเสมอ ใครทำอย่างไรย่อมได้อย่างนั้น หนีไม่พ้นหรอก จะเร็วหรือช้าก็ต้องได้แน่นอน มึงไม่เชื่อกูก็ไม่เป็นไร แต่มึงเชื่อพระพุทธเจ้าเถอะ พระพุทธเจ้าท่านไม่โกหกใครหรอก
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระผงรูปเหมือนหลวงปู่เรือง ปลุกเสกไตรมาสปี๒๕๔๒
    ให้บูชา 170 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20250529_152648.jpg IMG_20250529_152725.jpg IMG_20250529_152621.jpg
     
  4. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,217
    ค่าพลัง:
    +21,388
    เมื่อวานและวันนี้ จัดส่ง

    1748599817421.jpg 1748599782836.jpg

    ขอบคุณครับ
     
  5. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,217
    ค่าพลัง:
    +21,388
    FB_IMG_1748606580831.jpg FB_IMG_1748606583650.jpg FB_IMG_1748606586174.jpg
    วัตถุมงคลที่พระเกจิอาจารย์ปลุกเสกเดี่ยวถึง ๑๐ รูป
    พระสมเด็จชินบัญชร รุ่นประวัติศาสตร์ฯ ปี 2535 สมเด็จที่ระลึก 60 พรรษา สมเด็จพระบรมราชนีนาถจัดสร้างโดยมูลนิธิธรรมชีวินวัดอรุณราชวราราม มวลสามากมาย อาทิ ผงวัดระฆัง ผงวัดวัดบางขุนพรหม ผงวัดเกศไชโย ผงวัดสะตือ ผงวัดไก่จ้น ผงอิทธิเจ ผงปถมัง ผงมหาราช ผงตรีนิสิงเห ผงพุทธคุณ ผงธรรมคุณ ผงสังฆคุณ ผงมาตาปิตุปัจฐานมงคล เกษรดอกไม้จากพระอุโบสถ 108 วัด เช่น วัดพระแก้ว วัดโสธร วัดบ้านแหลม วัดพระธาตุพนม วัดพระธาตุดอยสุเทพ ดอกกาหลง ดอกกุหลาบแดง ดอกรักขาว ดอกกุหลาบขาว ดิน 7 ป่า ตะใคร่เสมา ฯลฯ
    เริ่มพิธีพุทธาภิเษกตลอด ปี 2534 ดังนี้
    ครั้งที่ 1 วันที่ 9 ม.ค.2534 หลวงพ่อสมชาย วัดเขาสุกิม ปลุกเสกเดี่ยว
    ครั้งที่ 2 วันที่ 9 ก.พ.2534 หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ จังหวัดนครปฐม ปลุกเสกเดี่ยว
    ครั้งที่ 3 วันที่ 9 ม.ค.2534 หลวงพ่อเกษม สำนักสุสานไตรลักษณ์ จังหวัดลำปาง ปลุกเสกเดี่ยว
    ครั้งที่ 4 วันที่ 9 เม.ย.2534 หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง จังหวัดสิงห์บุรี ปลุกเสกเดี่ยว
    ครั้งที่ 5 วันที่ 9 พ.ค.2534 หลวงพ่อจรัล วัดอัมพวัน จังหวัดสิงห์บุรี ปลุกเสกเดี่ยว
    ครั้งที่ 6 วันที่ 9 มิ.ย.2534 หลวงปู่หล้าตาทิพย์ วัดป่าตึง จังหวัดเชียงใหม่ ปลุกเสกเดี่ยว
    ครั้งที่ 7 วันที่ 9 ก.ค.2534 หลวงปู่ทองมา วัดสว่างท่าสี จังหวัดร้อยเอ็ด ปลุกเสกเดี่ยว
    ครั้งที่ 8 วันที่ 9 ส.ค.2534 หลวงปู่บุดดา วัดกลางชูศรีเจริญสูข จังหวัดสิงห์บุรี ปลุกเสกเดี่ยว
    ครั้งที่ 9 วันที่ 9 ก.ย.2534 หลวงพ่ออุตมะ วัดวังวิเวการาม จังหวัดกาญจนบุรี ปลุกเสกเดี่ยว
    ครั้งที่ 10 วันที่ 9 ต.ค.2534 หลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ จังหวัดนครราชสีมา ปลุกเสกเดี่ยว
    ครั้งที่ 11 วันที่ 9 พ.ย.2534 มหาพุทธาภิเษกที่วัดอรุณราชวราราม โดยมีสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ พร้อมเกจิอาจารย์จากทั่วประเทศอีก 108 รูป
    ครั้งที่ 12 วันที่ 10 ธ.ค.2534 มหาพุทธาภิเษกที่มณฑณท้องสนามหลวงโดยมี สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามมกุฎราชกุมาร เสด็จเป็นองค์ประธานจุดเทียนชัยพร้อมด้วยเกจิอาจารย์ทั่วประเทศจำนวน 108 รูปเจริญสมาธิพุทธาภิเษก อาทิ
    1.) สมเด็จพระสังฆราช(สมเด็จวาส) วัดราชบพิตรฯ
    2.) สมเด็จพระญาณสังวร วัดบรวนิเวศวิหาร ( พระสังฆราชองค์ต่อมา
    3.) สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ วัดสามพระยา
    4.) สมเด็จพระวันรัด วัดโสมนัสววิหาร
    5.) สมเด็จพระธีรญาณมุนี วัดปธุมคงคา
    6.) พระพรหมคุณาภรณ์ (สมเด็จพุฒาจารย์เกี่ยว)วัดสระเกศ (รักษาการองค์พระสังฆราช)
    7.) พระมหาวีระ ถาวะโร (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง)
    8.) พระอาจารย์ชื้น พุทธสาโร วัดญาณเสน
    9.) หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง
    10.) พระครูสันติวรญาณ (หลวงปู่สิม) วัดถ้ำผาปล่อง
    11.) พระอุดมสังวรเถร (หลวงพ่ออุตตะมะ) วัดวังค์วิเวการาม เทพเจ้าแห่งสังขระบุรี
    12.) พระครูฐาปนกิจสุนทร (หลวงพ่อเปิ่น) วัดบางพระ
    13.) พระครูปริมานุรักษ์ (หลวงพ่อพูล) วัดไผ่ล้อม
    14.) หลวงปู่ม่น วัดเนินตามาก
    15.) พระครูเกษมธรรมนันท์ (หลวงพ่อแช่ม) วัดดอนยายหอม เป็นต้น
    และสมเด็จพุทธโฆษาจารย์วัดสามพระยาเป็นประธานดับ เทียนชัย
    โดยทหาร,หมอ,พญาบาลทุกคนที่ได้รับมอบให้เป็นของป้องกันตัวที่ประเทศติมอร์ทุกๆ คนกลับมาด้วยความปลอดภัยไม่มีใครได้รับอันตราย
    อ้างอิง : มูลนิธิธรรมชีวิน
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20250312_150900.jpg IMG_20250312_150941.jpg IMG_20250312_151004.jpg
     
  6. ktv

    ktv เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    1,176
    ค่าพลัง:
    +1,213
    โอนแล้วครับ 31/05/68 จำนวน 230 บ.เวลา 08.09 น.จัดส่งที่เดิมครับ
     
  7. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,217
    ค่าพลัง:
    +21,388
    FB_IMG_1743082706096.jpg

    “ไม่ปรารถนาเอาเลือด เอาเนื้อผู้อื่น มาเป็นเลือดเนื้อตัวเอง
    ประวัติและปฏิปทา
    หลวงพ่อสุทัศน์ โกสโล
    วัดกระโจมทอง
    ต.วัดชลอ อ.บางกรวย จ.นนทบุรี
    หลวงพ่อสุทัศน์ โกสโล ถือกำเนิดเมื่อวันจันทร์ที่ ๖ มกราคม ๒๔๗๘ ปีกุน ในตระกูลชาวนา เป็นบุตรของนายพรหม และนางพันธ์ ตามภานนท์ ซึ่งเป็นนามสกุลที่ได้รับพระราชทานเมื่อสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ในจำนวนพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันทั้งหมด ๗ คน ท่านเป็นคนที่ ๖ ณ ต.ท่าพญา อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ด้วยบิดาของท่านเป็นพระภิกษุถึง ๒๐ พรรษา เป็นพระนักเทศน์ที่ได้รับความเคารพนับถือจากภิกษุอื่น นอกจากนั้นยังเป็นสมภารปกครองหลายวัด ถึงแม้ว่าโยมบิดาจะสึกมามีครอบครัวแล้วก็ตาม พระภิกษุอื่นก็ยังเคารพโยมบิดาในฐานะของอาจารย์เสมอมา โยมบิดาท่านปฏิบัติตัวอยู่ในศีลในธรรมเสมอๆ ประกอบทั้งได้อบรมลูกๆ ให้มีความเคารพต่อพระบรมศาสดา สอนให้ละการเบียดเบียนบุคคลอื่นด้วยกาย วาจา และใจ และชี้แนะแนวทางในการช่วยเหลือมนุษย์ที่ตกทุกข์ได้ยากด้วยพรหมวิหาร ๔
    ธรรมะเกิดในราวปีพุทธศักราช ๒๔๘๘ ขณะที่ท่านอยู่ระหว่างการศึกษาเล่าเรียนนั้นได้เกิดสงครามโลกครั้งที่ ๒ ขึ้น หลังจากสงครามสงบลงใหม่ๆ ภายในหมู่บ้านได้เกิดอาการไข้แพร่เชื้อติดต่อกัน ในจำนวนผู้เป็นไข้นั้นมีตัวท่านเอง น้องชายของท่าน เพื่อนเล่นของท่านและเด็กคนอื่นๆ แต่ก็ไม่มียามารักษา เพราะว่าหลังสงครามขณะนั้นยาหายากมาก อาการไข้ของน้องชายและเพื่อนของท่านทวีขึ้นอย่างรุนแรงขึ้นเป็นลำดับ และถึงแก่ความตายในที่สุด ความตายนี้มาพรากน้องชายและเพื่อนของท่าน ทำให้ท่านเสียใจอย่างสุดซึ้ง ได้บังเกิดเป็นสิ่งมหัศจรรย์สิ่งหนึ่งเข้ามาในจิตใจของท่าน
    ในขณะที่ใคร่ครวญพิจารณาศพเพื่อนและน้องชายด้วยใจจดใจจ่อ ได้บังเกิดเป็นฝ้าขาวบางแผ่กระจายไปทั่วบริเวณและได้เห็นผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งไม่เคยเห็นมาก่อนเดินผ่านหน้าท่านไปอย่างช้าๆ ทำให้ท่านหวนคิดไปว่า ผู้หญิงคนนั้นเขามีสิ่งใด เขาจึงเดินได้ เคลื่อนไหวได้ แล้วเพื่อนของเราขาดสิ่งใด จึงเคลื่อนไหวไม่ได้ ในขณะที่คิดพิจารณาอยู่กับการตายของน้องและเพื่อนนั้น จิตเริ่มค่อยๆ ลงสู่ความสงบพร้อมกับฝ้าขาวค่อยๆ หนาขึ้น หนาขึ้น จนกระทั่งเห็นสีขาวเต็มไปหมด นานเท่าไรไม่ทราบได้ จิตจึงเริ่มถอนออกมา รับรู้สภาพภายนอก ทบทวนย้อนหลังกลับไปถึงสาเหตุของสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับความคิดที่พิจารณาถึงความตาย หลังจากนั้นเป็นต้นมาในดวงใจของท่านเหมือนมีสิ่งมาดลใจไปให้ท่านอยากบวชเสมอมา
    กุศลดลใจ สิ่งที่น่าอัศจรรย์ใจอีกสิ่งคือ เสียงเด็กร้องไห้ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม ถ้าท่านได้ยินเมื่อไร จะทำให้เกิดอาการเจ็บปวดเหมือนถูกกรีดด้วยมีดคม ต้องหลีกให้ไกลเท่าที่จะไกลได้ จนไม่ได้ยินเสียง มูลเหตุนี้ทำให้ท่านคิดว่า สมมติว่าเราแต่งงานมีลูก ถ้าลูกร้องแล้วเราเจ็บปวดอย่างนี้ เราจะเข้าไปหาลูก หรือเราจะหนีลูก ได้รับคำตอบมาทันทีว่า เราต้องหนี และถ้าเราหนีขณะที่ลูกร้องจะตาย ใคร ๆ เขาจะว่าเราบ้า เพราะมันไม่ใช่พ่อคนแล้ว พ่อสัตว์แน่ๆ
    เมื่อท่านพิจารณาเช่นนั้น ท่านจึงตั้งปณิธานไว้ว่าจะไม่ขอแต่งงานเด็ดขาด ยิ่งเป็นการสนับสนุนความคิดเดิมที่จะบวชให้ทวียิ่งขึ้นไปอีก หลังจากนั้นมา ท่านก็ขอฝากตัวเป็นศิษย์ของพระครูประภาส ภูมิสถิต วัดคงคาสวัสดิ์ ที่ท่านเล่าเรียนหนังสืออยู่ ได้ติดสอยห้อยตามพระครูไปในสถานที่ต่างๆ ในกรณีที่ท่านมีกิจนิมนต์เทศน์ และปรนนิบัติท่านพระครูด้วยดี ในยามว่างจากการปรนนิบัติแล้ว ท่านพระครูมักจะไล่ให้ท่านลงไปพิจารณากรรมฐาน โดยให้พิจารณา ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง ทุกๆ คืน นอกจากนี้ ท่านยังได้ศึกษาด้านปริยัติและได้นำบทเรียนที่เกี่ยวกับการทำกสิณมาปฏิบัติจนกระทั่งท่านมีความชำนาญในฝ่ายสมถะมากพอสมควร
    ในปีพุทธศักราช ๒๕๐๒ ท่านได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ พัทธสีมาวัดคงคาสวัสดิ์ ต.คงคาสวัสดิ์ อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช โดยมี ท่านพระครูประภาส ภูมิสถิต เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอาจารย์เจิม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ พระปลัดเกตุ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้อยู่ศึกษาด้านพระปริยัติธรรม ๑ ปี แล้วย้ายไปอยู่วัดวิชิตสังฆาราม ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต เพื่อศึกษาทางด้านภาษาบาลี แต่เรียนไม่จบ เนื่องจากท่านเป็นเนื้องอกในจมูก จึงได้กลับมาศึกษานักธรรมเอกที่วัดคงคาสวัสดิ์ดังเดิม และออกธุดงค์ในเวลาต่อมา
    ราวปีพุทธศักราช ๒๕๐๕ หลังจากที่ท่านและสหายได้เดินทางกลับจากธุดงค์ เพื่อจะสอบนักธรรมและสอบได้ในคราวนั้นแล้ว ปีนั้นได้เกิดวาตภัยครั้งใหญ่ที่แหลมตะลุมพุก ที่ อ.ปากพนัง เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินและชีวิตคนสัตว์อย่างมากมาย มีการทยอยนำศพมาตั้งไว้ที่วัดคงคาสวัสดิ์นั้นมากมายเต็มศาลา ทำให้ท่านรำพึงว่า “มนุษย์เราไม่ว่าจะมีตำแหน่งใหญ่โต ร่ำรวยมหาศาล สวยหรืองาม ทุกข์ยากลำเข็ญเพียงใด ก็หนีความตายไม่พ้น เมื่อตายแล้วก็เอาอะไรไปไม่ได้ เกิดตายเช่นนี้ไม่รู้กี่ร้อยกี่พันชาติ ศีล สมาธิ และปัญญาเป็นทางไปแห่งความไม่ตายที่นิจนิรันดร์” เสียงหนึ่งผุดกังวานขึ้นในใจ เป็นเหตุให้ท่านเบื่อหน่ายต่อความเกิด มุ่งที่จะปฏิบัติอย่างเต็มกำลัง
    เมื่อดำริเช่นนั้นแล้วจึงได้จัดเตรียมบริขาร และชักชวนพระสหายออกเดินธุดงค์แถบป่าเขา จ.นครศรีธรรมราช อีกครั้ง ท่านได้ไปลาโยมพ่อ โยมพ่อแสดงความห่วงใยและแนะนำให้ไปนมัสการพระบรมธาตุ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ก่อนออกเดินทาง ท่านก็ได้รับปาก จังหวะเดียวกันนั้นท่านได้รับนิมนต์ให้ไปฉันที่วัดทับโคก และได้พบกับท่านพระอาจารย์อุดม สมถกิจ ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดนั้น ท่านได้บอกความตั้งใจที่จะธุดงค์ พระอาจารย์อุดมก็เห็นดีด้วย เพราะคำนึงถึงผลที่จะได้รับจากการธุดงค์ พร้อมกันนั้นพระอาจารย์อุดมได้แนะนำให้ท่านเดินทางไปกราบนมัสการพระอาจารย์ใหญ่ ธัมมธโร ซึ่งขณะนั้นอยู่ที่วัดชายนา หาแนวทางในการปฏิบัติไว้เป็นพื้นฐานเสียก่อนจะไปธุดงค์ พระอาจารย์สุทัศน์ก็เห็นด้วยกับคำแนะนำนั้น ได้เป็นศิษย์รุ่นแรกของพระคุณอาจารย์ใหญ่ ธัมมธโร พระครูภาวนานุศาสก์
    ในวันมาฆบูชานั่นเอง เป็นวันที่หลวงพ่อสุทัศน์ และพระอาจารย์บัญญัติ ได้เดินทางไปทำการนมัสการพระบรมธาตุนครศรีธรรมราช ด้วยการเวียนเทียนและเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางอีกที่หนึ่งคือวัดชายนา ครั้งแรกที่ท่านพบพระคุณอาจารย์ใหญ่ ธัมมธโร ขณะนั้นท่านกำลังทำการสอบอารมณ์แม่ชีอยู่และได้มีการการไต่ถามข้อที่กล่าวด้วยมรรคมีองค์ ๘ โดยพระอาจารย์ใหญ่เป็นผู้ถามและแม่ชีน้อยเป็นผู้ตอบ
    หลวงพ่อสุทัศน์ท่านยืนฟังและพิจารณาตามจนจิตเกิดความสงบนึกนิยมชมชอบในตัวพระคุณอาจารย์ใหญ่และคำตอบของแม่ชีน้อยที่โต้ตอบไป พลางรำพึงในใจว่า เราเรียนนักธรรมมายังตอบไม่ได้ลึกซึ้งอย่างนี้เลย เมื่อได้โอกาสแล้ว พระอาจารย์สุทัศน์จึงเข้ากราบเรียนจุดประสงค์ในการเดินทางมาครั้งนี้ ซึ่งพระคุณอาจารย์ใหญ่ก็รับด้วยความยินดี พร้อมกับแจงการปฏิบัติของท่านว่า
    “การปฏิบัติให้จับอิริยาบถทั้ง ๔ คนเรามี การยืน การเดิน การนั่ง การนอน ทุกคน แต่ไม่มีใครเลยที่ตามจับความรู้สึกในอิริยาบถทั้ง ๔ ให้ใช้ความเพียรพยายามในการติดตาม อย่าย่อท้อ”
    อุบายการสอนของพระคุณอาจารย์ใหญ่สอนเพียงสั้นๆ แต่กินใจของหลวงพ่อสุทัศน์อย่างลึกซึ้ง เหมือนหนึ่งส่องไฟที่มีดให้สว่าง หงายของคว่ำให้แจ้ง บังเกิดศรัทธาอย่างแรงกล้า ได้ให้สัจจะต่อหน้าพระคุณอาจารย์ใหญ่ว่า“ตราบใดที่ผมได้ปฏิบัติอยู่ในสำนักนี้ ถ้าไม่แจ้งในขันธ์ ๕ นี้จะไม่ขอพูดกับใคร” ท่านได้ตั้งใจปฎิบัติโดยมีพระคุณอาจารย์ใหญ่คอยเฝ้าดูอย่างใกล้ชิด จนท่านพิจารณาเห็นว่าท่านพอจะมีสติและปัญญาเป็นเครื่องคุ้มครองตัวได้ พร้อมกับมีศรัทธาเชื่อมั่นในองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างสูงยิ่ง ท่านจึงปรารถนาที่จะไปนมัสการพระเจดีย์ชเวดากองที่ประเทศพม่า ที่เชื่อว่ามีพระเกศาของพระพุทธองค์ประดิษฐานอยู่ จึงได้ออกธุดงค์พร้อมพระสหายในปีพุทธศักราช ๒๕๐๖ นั่นเอง

    ๏ รับหน้าที่ตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดกระโจมทอง
    ปีพุทธศักราช ๒๕๐๘ ท่านกลับจากธุดงค์ในประเทศพม่า โดยได้ไปกราบนมัสการพระบรมสารีริกธาตุ ณ พระมหาธาตุเจดีย์ชเวดากอง เมืองย่างกุ้ง แล้ว ท่านก็ได้เข้ากราบนมัสการ พระครูประภาส ภูมิสถิต และเดินทางเข้ากราบพระคุณ ท่านพระอาจารย์ใหญ่ ธัมมธโร แล้วได้รับมอบหมายจากท่านพระอาจารย์ใหญ่ ธัมมธโร ให้ช่วยฝึกอบรมพระภิกษุและฆราวาส ณ วัดอัมพวัน เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร
    ปีพุทธศักราช ๒๕๑๒ หลวงพ่อสุทัศน์เป็นกำลังสำคัญร่วมกับพระคุณอาจารย์ใหญ่ ธัมมธโร จัดประชุมสัมมนาพระวิปัสสนาจารย์ทั่วประเทศครั้งที่ ๑ โดย สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (ปุ่น ปุณฺณสิริ)ขณะดำรงตำแหน่งเป็น สมเด็จพระวันรัตน ประธานเมตตาเปิดการประชุมครั้งนี้ เป็นไปเพื่อการเผยแพร่และยืนยันการเจริญวิปัสสนากรรมฐานในแนวสติปัฏฐาน ๔ ถือเป็นจุดเริ่มที่น่าภูมิใจ
    ปีพุทธศักราช ๒๕๑๒ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (ปุ่น ปุณฺณสิริ) ขณะดำรงตำแหน่งเป็น สมเด็จพระวันรัตน ได้ประทานพื้นที่รกร้าง มีโบราณสถานเป็นลักษณะโบสถ์ มีพระพุทธรูป ๓ องค์ สันนิษฐานว่าเป็นโบราณสถานสมัยอู่ทองยุคต้น ให้แก่พระคุณอาจารย์ใหญ่ ธัมมธโร เพื่อพิจารณาพัฒนาให้เป็นสถานที่เพื่อการเผยแผ่การปฏิบัติธรรมและให้เป็นที่พึ่งพิงแก่ชาวบ้าน พระคุณอาจารย์ใหญ่ ธัมมธโร จึงมอบหมายให้หลวงพ่อสุทัศน์ ศิษย์คนสำคัญเป็นเจ้าอาวาสวัดนั้น ซึ่งก็คือ วัดกระโจมทอง จ.นนทบุรี จนถึงปัจจุบัน
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระสมเด็จหลังรูปเหมือนหลวงพ่อสุทัศน์วัดกระโจมทอง
    หลวงพ่อสุทัศน์ โกสโล วัดกระโจมทอง บางกรวย นนทบุรี ท่านเป็นพระปฏิบัติที่เคร่งครัดในพระธรรมวินัยอย่างมาก สงบและเพียบพร้อมด้วยความงดงามแห่งศีลอย่างยิ่งนัก เป็นพระผู้ไม่ปรารถนาเบียดเบียนสรรพสัตว์
    ดังความตอนหนึ่งในหนังสือที่เขียนว่า
    “ไม่ปรารถนาเอาเลือด เอาเนื้อผู้อื่น มาเป็นเลือดเนื้อตัวเอง
    ขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    ๒ องค์คู่
    ให้บูชา 250 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)
    IMG_20250327_203929 (1).jpg IMG_20250327_203948 (1).jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 พฤษภาคม 2025 at 14:20
  8. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,217
    ค่าพลัง:
    +21,388
    FB_IMG_1748605701016.jpg

    เหรียญหลวงพ่อยัง(บุญยัง) เป็นเหรียญที่ปลุกเสกโดย หลวงพ่อมหาโพธิ์ วัดคลองมอญ จ.ชัยนาท สร้าง ปี 2532 เนื้อทองแดง
    หลวงพ่อยัง(บุญยัง) คงคสโร วัดหนองน้อย ท่านเป็นศิษย์ก้นกุฏิใกล้ชิดหลวงปู่ศุข วักปากคลองมหาเฒ่า จ.ชัยนาท หลวงพ่อบุญยังท่านสำเร็จวิชาในตำราพุทธคุณของหลวงปู่ศุข โดยภายหลังท่านก็ถ่ายทอดให้กับหลวงพ่อมหาโพธิ์ วัดคลองมอญ ซึ่งเป็นหลานชายแท้ๆของท่าน
    เหรียญรุ่นนี้ หลวงพ่อมหาโพธิ์ สร้างใน ปี 2532 โดยสร้างต่อจากเหรียญหลวงปู่ศุขซึ่งสร้างมาก่อน ใน ปี 2531 ด้านหน้าเป็นรูปหลวงพ่อยังผู้เป็นอาจารย์ ด้านหลังประทับยันต์ครู ยันต์ที่มีคุณวิเศษและสำคัญในสายวัดมะขามเฒ่า
    กล่าวได้ว่า หลวงพ่อมหาโพธิ์ ท่านเป็นศิษย์สายตรงรูปสุดท้าย ของ หลวงปู่ศุข วักปากคลองมหาเฒ่า
    มีให้เลือกพิจารณา2 เหรียญครับ

    เหรียญละ 270 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    FB_IMG_1748605741629.jpg FB_IMG_1748605744690.jpg
    .

    FB_IMG_1748605682957.jpg FB_IMG_1748605686210.jpg
     
  9. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,217
    ค่าพลัง:
    +21,388
    FB_IMG_1748712681640.jpg FB_IMG_1748712577668.jpg

    หลวงจวน พ่อแพ ยังยอมรับ ไม่ธรรมดา
    ความดีของหลวงปู่ใบ เมื่อครั้งยังเป็นคฤหัสถ์(ฆราวาส) อยู่กระท่อมหางคลอง หลวงพ่อแพ เขมังกโร วัดพิกุลทอง เคยไปหาหลวงปู่ที่กระท่อม หลวงปู่ได้ปูเสื่อต้อนรับหลวงพ่อแพ หลวงพ่อแพพูดกับหลวงปู่ใบว่า เป็นผู้มีศีลนั่งด้วยกันได้ ต่างกันที่คนละสีเท่านั้นและยังได้บอกกับหลวงปู่ใบ ให้เก็บเครื่องบูชาไว้อย่าเอาไปทิ้ง เช่น ดอกบัวหรือธูปเทียนที่ใช้แล้ว หลวงพ่อแพ ท่านจะเอาไปผสมทำพระ(พระเครื่อง)
    ประวัติ คุณตาใบ พรหมวงษ์
    หลวงปู่ใบ ฐิตธมฺโม เกิดเมื่อวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๔๕๑ วันพฤหัสบดี ตรงกับวันวิสาขบูชา ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ ปี วอก ที่ตำบล ม่วงหมู่ อำเภอเมือง จังหวัดสิงห์บุรี โยมบิดา ชื่อ นายวิง พรหมวงษ์ โยมมารดา ชื่อ นางฟัก พรหมวงษ์ มีพี่น้องรวมกัน ๗ คน เป็นชาย ๒ คน เป็นหญิง ๕ คน หลวงปู่ใบ เป็นบุตรคนที่ ๕ ในตระกูลพรหมวงษ์ เรียนหนังสือที่วัดตึกราชา
    บรรพชาเป็นสามเณร
    พออายุได้ ๑๐ ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณร อยู่ที่วัดตึกราชาอยู่ ๖ พรรษา พออายุได้ ๑๕ ปีได้ลาสิกขาจากสามเณรไปช่วยบิดาทำนา
    การอุปสมบทครั้งแรก
    พออายุได้ ๒๑ ปี ได้อุปสมบทที่วัดตึกราชา โดยมี พระครูเกศีวิกรม (หลวงพ่อพูล) เจ้าคณะจังหวัดสิงห์บุรีเป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อไป๋ เจ้าอาวาสวัดโพธิ์แก้วนพคุณ เป็นกรรมการวาจาจารย์ หลวงพ่อช่วงเจ้าอาวาสวัดตึกราชา เป็นอนุสาวนาจารย์ ขณะที่อุปสมบทได้ศึกษาปริยัติธรรม และสอบได้นักธรรมชั้นตรี และนักธรรมชั้นโท กับได้เป็นครูปริยัติธรรมให้แก่พระภิษุสามเณร ในนักธรรมศึกษาชั้นตรี และชั้นโทด้วย
    ได้ไปศึกษาพระธรรมวินัย กับหลวงปู่ฉาย สุวรรณสโร ณ วัดป่าธรรมโสภณ อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี เป็นเวลา ๑ ปี
    ขณะอยู่ที่วัดตึกราชาได้ไปศึกษาวิชาหมอดูจากหลวงปู่สุดอยู่ 3 ปี หลวงปู่สุดนี้เป็นพระสงฆ์ที่มาจากจังหวัดพระนครศรีอยุธยา แล้วมาจำพรรษาอยู่ที่วัดสังฆราชาวาส
    เมื่อหลวงปู่ใบ ฐิตธมฺโม อุปสมบทอยู่ได้ 5 พรรษาก็ต้องลาสิกขาออกมาช่วยบิดามารดาทำนา แต่ตั้งใจแน่วแน่ว่าจะอุปสมบทอีก โดยได้ไปทำการลาสิกขากับพระครูเกศีวิกรม เจ้าคณะจังหวัดสิงห์บุรี หลวงปู่พูดกับพระครูว่า “เมื่อผมมีความร่ำรวยผมจะใช้ตำราหมอดูนี้ช่วยเหลือประชาชน โดยไม่คิดเงินทอง” ในระหว่างที่มาช่วยบิดาทำนา ก็ได้รับประโยชน์มากอย่างน่าอัศจรรย์ ไม่ว่าจะเป็นการทำนา หรือพืชไร่
    ชีวิตพ่อค้า
    ในระหว่างนั้นเกิดสงครามโลกครั้งที่ ๒ ญี่ปุ่นเข้ามาอยู่ในประเทศไทยจำนวนมาก และเป็นช่วงที่เศรษฐกิจ บางอย่างเริ่มเปลี่ยนแปลง หลวงปู่ใบได้ใช้เวลาว่างในระหว่างการหยุดทำนา เป็นพ่อค้าซื้อน้ำตาลจากห้วยกรด จำนวน ๖๐๐ ถึง ๗๐๐ ไห ราคาไหละ ๑ บาท บรรทุกเรือนำไปขายทางเทศเหนือ เช่นที่ คลองขลุง จังหวัดกำแพงเพชร ขายราคาไหละ หกสลึง หรือ เจ็ดสลึง ขายหมดแล้วเมื่อขาล่องก็ซื้อกล้วยไข่ประมาณ ๓,๐๐๐ หวี มีขี้ไต้ น้ำมันยาง บางครั้ง ก็ซื้อเรือล่องลงมาขายด้วย ปีหนึ๋ง ๆ ขายได้ประมาณ ๔ เที่ยว
    เมื่อมีเงินมากพอก็สามารถซื้อนาได้ ๓๗ ไร่ และปลูกเรือนขึ้นใหม่อีก ๒หลัง มีเรือไว้ใช้ ๓ ลำ หลวงปู่ใบ ฐิตธมฺโม พูดเสมอ ๆ ว่าทำอะไร ๆ ได้มักได้ผล เกิดจากความมหัศจรรย์
    เมื่อทางบ้านมีหลักฐานมั่นคงแล้ว หลวงปู่ใบ คิดอุปสมบทอีกจึงบอกความประสงค์กับบิดา แต่บิดาไม่ยอมให้อุปสมบท โดยบิดาพูดว่า เจ้าเป็นคนสร้างฐานะให้พ่อแม่ต้องการให้หลวงปู่ใบเป็นผู้รักษาทรัพย์สมบัตินั้นต่อไป และต้องการให้หลวงปู่มีภรรยาเป็นหลักฐาน ต่อมาได้ทำการมงคลสมรสกับ นางสาวสังวาลย์ อายุ ๒๔ ปี ขณะนั้นหลวงปู่อายุ ๒๙ ปี มีบุตรหญิงหนึ่งคนชื่อ คุณมานะ ( พรหมวงษ์ )ต่อมาแม่สังวาลย์ พรหมวงษ์ ได้ถึงแก่ถึงแก่กรรมเมื่ออายุ ได้ ๓๑ ปี ขณะนั้นหลวงปู่อายุได้ ๓๖ ปี
    ปลูกกระท่อมอยู่เพื่อความสงบ
    หลวงปู่ใบ ฐิตธมฺโม (ขณะนั้นยังเป็นฆราวาสอยู่)ได้ปลูกกระท่อมอยู่ที่หางคลอง ขณะนั้นแม่สังวาลย์ พรหมวงษ์ ยังมีชีวิตแต่การที่ไปอยู่ที่นั่น เพื่อผลแห่งการปฏิบัติธรรม เพื่อความสงบของท่าน และเพื่อสะดวกกับบรรดาลูกศิษย์ และผู้ที่มีความประสงค์จะมาพบท่าน

    ทำบุญต่ออายุ
    เมื่อหลวงตามีอายู ๘๐ ปี (ยังเป็นฆราวาสอยู่) ได้มีการทำบุญต่ออายุ โดยมีมหาประมวลเจ้าคณะอำเภอเมือง เจ้าอาวาสวัดเจดีย์ พร้อมด้วยคณะลูกหลาน
    การอุปสมบทครั้งที่ ๒
    หลวงปู่ใบ ฐิตธมฺโม ได้อุปสมบทที่วัดพิกุลทอง ตำบลพิกุลทอง อำเภอท่าช้าง จังหวัดสิงห์บุรี เมื่อวันที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๓๓ ขณะที่มีอายุ ๘๓ ปี
    โดยมีพระธรรมมุนี (หลวงพ่อแพ เขมังกโร) เจ้าคณะจังหวัดสิงห์บุรี เป็นพระอุปัชฌาย์
    พระครูสุจิตตานุรักษ์ (หลวงพ่อจวน วัดหนองสุ่ม ) เป็นพระกรรมวาจาจารย์
    พระครูโพธาภิวัฒน์(หลวงพ่อกลอ วัดโพธิ์ลังกา) เป็นพระอนุสาวนาจารย์
    หลวงปู่ใบ ฐิตธมฺโม เมื่อได้อุปสมบทแล้วได้มาจำพรรษาอยู่ ณ วัดตึกราชา ขณะนี้ร่างกายของหลวงปู่ใบชราลงมากแล้วแต่ยังช่วยผู้มีความทุกข์ ความเดือดร้อน ได้บ้างพอสมควร
    หลวงตาอาพาธ

    ต่อมาหลวงปู่ใบมีอาการอาพาธหลายครั้ง บางครั้งต้องเข้าโรงพยาบาล ต่อมาปี พ.ศ.๒๕๓๘ หลวงปู่ มีอาการอาพาธมากกว่าทุกครั้ง สาเหตุมาจากความชรา ช่วยตัวเองไม่ค่อยได้ ต้องมีคนคอยพยาบาลช่วยเหลือ แต่หลวงปู่ใบมีสติดีตลอด และก็มีผู้มาเยี่ยมและผู้มาขอให้ช่วยเหลือมิได้ขาด โดยหลวงปู่ใบก็มิได้ปฏิเสธ พยายามช่วยเหลือทุกรายไป
    หลวงปู่ใบ ละสังขาร
    หลวงปู่ใบ ฐิตธมฺโม ได้ละสังขารวันพฤหัสบดีที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๔๐ เวลา ๐๘.๔๗ น. การละสังขารของหลวงปู่ใบครั้งนี้นำความอาลัยเศร้าโศกมาสู่บรรดาศิษย์ และผู้ที่เคารพรักใคร่หลวงปู่เป็นอย่างมาก
    บำเพ็ญประโยชน์
    ในระหว่างที่หลวงปูใบมีชีวิต ได้บำเพ็ญประโยชน์เพื่อพระพุทธศาสนา คือ
    ๑. จัดผ้าป่าสามัคคี ช่วยสร้างสะพานข้ามแม่น้ำในวัดบางพึ่ง และศาลาข้างสะพาน จ.ลพบุรี พ.ส. ๒๕๒๘ จำนวนเงิน ๑,๐๑๒,๔๒๙.๐๐ บาท
    ๒.เป็นประธาน สร้างสะพานข้ามแม่น้ำลพบุรี หน้าวัดตึกราชา ปี พ.ศ. ๒๕๓๙
    ๓.ที่วัดตึกราชา ได้บูรณะซ่อมแซมและก่อสร้างหลายสิ่งหลายอย่างเช่น ซ่อมแซมอุโบสถหลังเก่า และก่อสร้างเจดีย์พระบรมสารีริกธาตุ ทำถนนภายในวัด และรั้ว
    หลวงปู่ใบ ฐิตธมฺโม ได้สร้างพระเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ไว้ในวัดตึกราชา ตำบลม่วงหมู่ อำเภอเมือง จังหวัดลสิงห์บุรี สูง ๙ วา ๖ ศอก ๓ คืบ ที่ฐานประเจดีย์หล่อรูปเหมือนอดีตเจ้าอาวาสวัดตึกราชา จำนวน ๖ องค์ ไว้โดยรอบฐานพระเจดียนั้นหลวงปู่ใบ ฐิตธมฺโม ได้พูดว่าต้องใช้กระเเสจิตตรวจอยู่หนึ่งพรรษา เมื่อเข้ามาในกระเเสจิตดูว่าเป็นพระที่ไม่จับต้องเงินทองทั้งสิ้น เช่นเดียวกับ หลวงปู่ใบ ฐิตธมฺโม หลวงปู่ใบก็ไม่จับต้องเงินทอง ผู้ใดจะทำบุญกับหลวงปู่ใบ หลวงปู่ใบจะใช้บาตรรับ หรือใครจะทำบุญหลวงปู่ก็ให้ใส่ลงในบาตร
    หลวงปู่ทั้ง ๖ องค์ ที่อยู่รอบฐานเจดีย์พระบรมสารีริกธาตุ คือ
    ๑. หลวงปู่ทวด เฒ่า
    ๒.หลวงปู่ทวด สุข
    ๓.หลวงปู่ทวด คำ
    ๔.หลวงปู่ทวด น้อย
    ๕.หลวงปู่ทวด ช้าง
    ๖.หลวงปู่ทวด บุญ
    หลวงปู่ใบ ฐิตธมฺโม เป็นประธานในการบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และพระธาตุที่ยอดเจดีย์ เมื่อวันที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๓๗ ก่อนบรรจุพระสารีริกธาตุ มีพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ และมีผู้มาร่วมส่งน้ำพระบรมสารีริกธาตุ และพระธาตุ เป็นจำนวนมาก
    เจดีย์พระบรมสารีริกธาตุนี้สิ้นค่าก่อสร้างไป ๑,๑๘๓,๔๑๘.- บาท (หนึ่งล้านหนึ่งแสนแปดหมื่นสามพันสี่ร้อยสิบแปดบาทถ้วน) เป็นเงินที่ได้รับบริจาคจากศรัทธาของบรรดาศิษย์ และผู้ที่เลื่อมใสในหลวงปู่ใบ ฐิตธมฺโม โดยมิได้ประกาศเชิญชวนหรือแจกซองแต่อย่างใด

    เหรียญรุ่น๑ (ฆราวาส) เหรียญรุ่น๒ (พระภิกษุ)
    ขนาดเหรียญฆราวาส เล็กกว่าเหรียญตอนบวชเป็นพระภิกษุ
    วัตถุมงคลพระเครื่อง พระบูชา รูปหล่อ เหมือนหลวงปู่ใบ และยังมีพระเครื่อง ชนิดผงและชนิดเหรียญด้วย จากการร้องขอของลูกหลาน บรรดาศิษย์ยานุศิษย์ และผู้คนที่เคารพรักศรัทธาในตัวท่าน เพื่อเก็บไว้กราบไหว้บูชาตลอดไป
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    เหรียญรุ่นแรก หลวงตาใบ สมัยเป็น ฆราวาส หลังยันต์ พุทธชงซ่อนหัว ซ่อนหาง เป็นยันต์เฉพาะตน

    ให้บูชา 250 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20250531_235331.jpg IMG_20250531_235426.jpg
     
  10. พลังกสิณ

    พลังกสิณ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2013
    โพสต์:
    77
    ค่าพลัง:
    +97
    จองพระผงหยกครับ
     
  11. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,217
    ค่าพลัง:
    +21,388
    รับทราบครับขอบคุณครับ
     
  12. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,217
    ค่าพลัง:
    +21,388
    1748787215170.jpg

    เหรียญ 6 นัดรุ่นแรก หรือเหรียญบาตรแตก เป็นเหรียญรุ่นแรกที่หลวงปู่จัดสร้างขึ้นและได้ทำพิธีปลุกเสกทุกวันเป็นเวลา 3 ปี จนเกิด ปาฏิหาริย์บาตรทีใส่บรรจุพระได้แตกร้าวทั้ง ๆ ทีไม่มีใครแตะต้อง คงเป็นเพราะพลังจิตอันแก่กล้าของหลวงปู่ที่ปลุกเสกสะสมกันเป็นเวลานานอย่างแน่แท้ และเหรียญนี้ถือเป็นเหรียญรุ่นแรกที่หลวงปู่ได้จัดสร้างขึ้น ด้านหน้าเป็นรูปหลวงปู่ ด้านหลังเป็นรูปปู่ฤาษีบรมครูที่หลวงปู่มีความเคารพนับถือเป็นอย่างมาก เหรียญรุ่นนี้มีประสบการณ์สูงมาก จนเป็นที่กล่าวขวัญถึงความศักดิ์สิทธิ์ ถึงความแคล้วคลาดคงกระพัน เมตตาโชคลาภ ช่วยทำมาหากินคล่องแคล่ว และที่ฮือฮาเป็นอย่างมากคือมีลูกศิษย์นายทหารท่านหนึ่งถูกดักยิงด้วยปืนขนาด .38 ปรากฏว่ายิงไม่เข้ามีแต่รอยช้ำเขียวเท่านั้นถึง 6 รอยและลูกศิษย์อีกท่านหนึ่งโดนดักยิงแต่รอดราวปาฎิหาริย์ได้กล่าวว่าตนเห็นปู่ฤาษีมาบังไว้คนร้ายจึง ยิงไม่ถูกทั้ง ๆ ที่ระยะห่างไม่เกิน 2 เมตร บางท่านบูชาไปฝันเห็นปู่ฤาษีมาเข้าฝันบอกเลขเด็ดถูกรางวัลร่ำรวยก็มีหรืออีกรายหนึ่งบูชาไว้ที่บ้านพอจะไปต่างจังหวัดจึงอธิษฐาน ขอให้ปู่ฤาษีดูแลบ้านให้พอกลับจากต่างจังหวัดตอนกลางดึกก็เห็นชายแก่มาเดินอยู่ในบ้านพอเข้าไปดูร่างนั้น ก็หายไปแล้ว บางคนนำไปติดร้านขอให้ค้าขายดี ลูกค้าบอกมีชายแก่มาบอกว่าร้านนี้อาหารอร่อยมากนะ พอหันไปดูชายแก่ก็หายไปเสียแล้ว นี้คือจำนวนหนึ่งจากหลายประสบการณ์ของผู้บูชา
    หลวงปู่ศวัส ศิริมงคโล (พ่อปู่ฤๅษี) วัดเกษตรสุข จ.พะเยา ก่อนบวชเป็น พระภิกษุใน บวรพุทธศาสนา ท่านเคยเป็นฤๅษีมาก่อนและครูบาอาจารย์ของท่านก็เป็นบรมครูปู่ฤๅษี สายวิชาของท่านจึงสุดเข้มขลัง หลังจากท่านบวชแล้วก็เดินทางธุดงค์ไปอยู่จ.พะเยา วัตถุมงคล ที่ท่าน ปลุกเสกล้วนแล้วแต่สร้างประสบการณ์มากมายให้กับผู้ใช้ ส่วนใหญ่จะโดดเด่นทางด้านเมตตามหานิยม ทุกครั้งที่ท่านปลุกเสกวัตถุมงคลท่านจะนิมนต์เชิญบรมครูปู่ฤๅษี อาจารย์ท่านมาปลุกเสกให้ด้วย ดังนั้นวัตถุ
    มงคลของท่านจึงสุด เข้มขลัง

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    ให้บูชา 350 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20250601_210408.jpg IMG_20250601_210440.jpg
     
  13. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,217
    ค่าพลัง:
    +21,388
    FB_IMG_1748776355035.jpg

    1. หลวงพ่อแสวงเป็นพระที่เก็บตัวไม่ชอบโอ้อวด
    2. เป็นพระเกจิอาจารย์ที่นั่งปรกตามพิธีพุทธาภิเษกมากกว่า 100 งาน แต่ไม่เคยขึ้นชื่อ เพราะว่า พอช่างภาพจะถ่ายรูปหลวงพ่อเดินหนีแล้วครับ(หนีอย่างเดียว)
    3. ตำรวจเก่าๆแถวประตูน้ำพระอินทร์ต้องขอร้องหลวงพ่อให้วางเข็มสัก และห้ามแจกตะกรุดกับเชือกคาด เพราะลูกศิษย์นอกคอกของหลวงพ่อทำให้ตำรวจต้องทำงานหนัก
    4. เป็นพระเกจิอาจารย์รูปเดียวที่นั่งปรกในพิธีของวัดประสาทบุญญาวาส ปี พ.ศ. 2505 และ พ.ศ. 2506 รูปเดียวที่ยังทรงสังขารอยู่(ตำนานที่ยังมีลมหายใจ)
    5. เป็นพระเกจิอาจารย์รูปเดียวที่นึ่งปรกในพิธีการสร้างพระสมเด็จบางขุนพรหม ปี พ.ศ. 2509 และหลวงพ่อยังได้รับแจกสมเด็จพิมพ์คะแนนจากเจ้าอาวาสวัดบางขุนพรหมมาประมาณ 200 องค์(อยากได้ก็ไปตื้อกับหลวงพ่อกันเอาเองนะครับ งานนี้ผมไม่เกี่ยว)
    6. ตอนนี้ญาติโยมที่เป็นชาวมาเลเซียมาตื้อหลวงพ่อให้ขึ้นเครื่องไปโปรดญาติโยมที่มาเลเซีย ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าไปโดนอะไรกันเข้า เห็นบอกว่าถ้าหลวงพ่อไม่ไปมาเลเซีย จะจัดแพ็คเก็จทัวร์รอบพิเศษมากินนอนกันที่วัดสว่างภพกันเลยครับ(เอากันเข้าไป)
    7. มีพระชรารูปหนึ่งปัจจุบันมรณภาพไปแล้ว ซึ่งบวชรุ่นเดียวกันกับหลวงพ่อ เล่าให้ผมฟังว่าเคยแอบดูหลวงพ่อว่าท่านไปทำอะไรในโบสถ์ และเห็นหลวงพ่อเสกผ้าอาบน้ำฝนโยนลงกับพื้น ผ้าอาบน้ำฝนนั้นกลับกลายเป็นกระต่ายสีขาววิ่งรอบตัวหลวงพ่อ(เชื่อไม่เชื่อแล้วแต่วิจารณญาณของแต่ละบุคคลแล้วกันนะครับ งานนี้ผมก็ไม่เกี่ยวอีกนั่นแหละ) แต่รู้ว่าตอนที่พระชรารูปนี้ท่านคุยกับผมท่านบอกว่าจะเอาอาตมาไปสาบานที่ไหนก็ได้
    ประวัติโดยสังเขปของพระครูปทุมกิจโกศล หลวงพ่อแสวง อริโย
    (พระเถราจารย์ที่ถูกแกล้งลืม)
    เขียนโดยน้าเทพ วสภ
    ที่กระผมนายเข็มทองกำลังจะเล่าให้ผู้อ่านฟังนี้เป็นความจริงทั้งหมดที่ถูกแกล้งลืมมานานมาก ไม่ต้องเชื่อผมก็ได้ครับ คิดว่าผมเล่านิยายให้ท่านผู้อ่านฟังก็ได้ครับ อย่าเชื่อผมจนกว่าท่านทั้งหลายจะได้เข้าไปกราบแทบเท้าหลวงพ่อครับ โดยผมจะเริ่มเล่าให้ฟัง ณ บัดนี้ครับ
    หลวงพ่อแสวง อริโยเกิดในตระกูลเจ้าพระยา เกิดเมื่อวันพฤหัสบดี ขึ้น 6 ค่ำ เดือน 4 ปีชวด พ.ศ. 2567 ตรงกับ วันพฤหัสบดีที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2467 ร.ศ.143 จ.ศ. 1286
    บ้านเกิด ต.คลองห้า อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี บิดาชื่อ นายเล็ก มารดาชื่อ นางทรัพย์
    มีพี่น้องร่วมบิดาเดียวกันรวม 7 คน คือ
    1. นางสาวสาย(ถึงแก่กรรม)
    2. นาวสาวโปรย(ถึงแก่กรรม)
    3. นายสิน
    4. ผู้ใหญ่มล(ถึงแก่กรรม)
    5. นายแจ้ง
    6. พระครูปทุมกิจโกศล เดิมชื่อ ?แจ่ม? แต่ชาวบ้านเรียกท่านว่า ?แสวง? เมื่อท่านอุปสมบทแล้วจึงเรียกติดปากตั้งแต่นั้นมา
    7. นายจำรัส เจนกระบวน
    โยมปู่ชื่อหลวงเจนกระบวนทิศ(ต้นนามสกุลเจนกระบวน) เป็นเชื้อสายชาวมอญที่เป็นแม่ทัพนายกอง ซึ่งมีวิทยาคมสูงส่ง เจ้าของตำราผงสิบสองนักกษัตริย์ พูดถึงผงสิบสองนักกษัตริย์หลายท่านอาจจะงง แต่ถ้าพูดถึงหลวงปู่เทียน วัดโบสถ์ จ.ปทุมธานี และหลวงพ่อเริ่ม วัดจุกกระฌอ จ.ชลบุรี ท่านคงจะหายสงสัย เพราะสมเด็จรุ่นแรกของหลวงปู่เทียน ที่ผสมผงสิบสองนักกษัตริย์ และสมเด็จรุ่นแรกของหลวงพ่อเริ่ม ก็มีราคาแพงเป็นที่ใฝ่หาของผู้ที่ดวงตก กำลังหาวัตถุมงคลเสริมดวง(รายละเอียดผงสิบสองนักกษัตริย์ หาอ่านได้ในประวัติหลวงปู่เทียนและหลวงพ่อเริ่ม) ผงสิบสองนักกษัตริย์นี้ การสร้างจะคล้ายๆกับผงพรายกุมารของหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ถ้าอยากทราบครั้งหน้าผมจะอธิบายรายละเอียดการทำผงสิบสองนักกษัตริย์ให้ฟัง
    มาฟังประวัติของหลวงพ่อกันต่อครับ
    ในวัยเด็กของหลวงพ่อชอบตามโยมแม่ของท่าน ไปฝึกวิปัสสนากรรมฐานกับแม่ชีพันธ์ อาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนา ซึ่งท่านเป็นลูกศิษย์เอกของท่านพ่อบันฑูรย์สิงห์ จังหวัดสมุครสาคร ถ้าเทียบเดี๋ยวนี้อำนาจฌาณสมาบัติของแม่ชีพันธ์ก็เทียบได้กับคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม วัดอาวุธ ซึ่งมีลูกศิษย์ลูกหามากมาย หลวงพ่อท่านเคยเล่าให้ผมฟังว่าคนถูกผีเข้า พาเข้าไปหาแม่ชีพันธ์นั้นท่านแค่อธิษฐานจิตปลายนิ้วชี้ของท่าน ชี้ไปที่ร่างของผู้ถูกผีเข้า ผีถึงกับร้องโหยหวน แล้วรีบออกจากร่างไปอย่างรนราน หลวงพ่อท่านได้รับการฝึกวิปัสสนากรรมฐานจากแม่ชีพันธ์ตั้งแต่วัยเด็ก หลังจากนั้นโยมแม่ของหลวงพ่อจึงพาหลวงพ่อไปฝากเรียนหนังสือไทยและขอมกับหลวงพ่ออู๊ด วัดหัตถสาร จ.ปทุมธานี มาถึงตรงนี้ท่านคงงงๆกันอีกแล้วว่าหลวงพ่ออู๊ดท่านเป็นใครมาจากไหน หลวงพ่ออู๊ดเป็นศิษย์รุ่นใหญ่ของหลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติการาม จ.อยุธยา ซึ่งมีศักดิ์เป็นศิษย์รุ่นพี่ของหลวงพ่ออั้น วัดพระญาติการาม ประวัติของหลวงพ่ออู๊ดไม่ค่อยจะได้เป็นที่รู้จักของคนทั่วไปนัก เพราะท่านเป็นพระที่ไม่ชอบอวดตัว คนส่วนใหญ่ถ้าพูดถึงศิษย์หลวงพ่อกลั่น มักจะนึกถึงหลวงปู่สี วัดสะแก หลวงปู่ใหญ่ วัดสะแก หลวงพ่อคอน วัดชัยพฤกมาลา แต่ลองมาฟังสิ่งที่ผมจะเล่าถึงในวันสุดท้าย ณ สำนักหลวงพ่อกลั่น ของหลวงพ่ออู๊ด วันนั้นในตอนบ่ายหลวงพ่อกลั่น เรียกหลวงพ่ออู๊ดเข้าไปหาแล้วบอกว่า ?ท่านอู๊ดวิชาที่ผมมีอยู่ผมได้สอนท่านไปจนหมดไส้หมดพุงแล้ว ถ้าคุณอยากจะก้าวหน้าต่อไปในเพศบรรพชิต คุณคงต้องหาที่ศึกษาเพิ่มเติมแล้วล่ะ? หลวงพ่ออู๊ดจึงถามหลวงพ่อกลั่นว่า ?หลวงพ่อครับ แล้วจะให้กระผมไปศึกษาต่อที่ไหนดีล่ะครับ ช่วยแนะนำผมด้วยครับ? หลวงพ่อกลั่นจึงตอบว่า ?ถ้าต้องการศึกษาต่อคงต้องไปหาหลวงพ่อหนู วัดชีปะขาวแล้วล่ะ(จ.อยุธยา) เดี๋ยวผมจะเขียนจดหมายฝากตัวคุณไปให้หลวงพ่อหนูด้วย? หลังจากนั้นหลวงพ่ออู๊ดก็ได้ออกจากสำนักของหลวงพ่อกลั่นพร้อมกับจดหมายฝากตัวที่หลวงพ่อกลั่นเขียนไว้ให้ เดินทางมุ่งหน้าสู่วัดชีปะขาวโดยลำพัง เมื่อถึงวัดชีปะขาวแล้วจึงนำจดหมายฝากตัวนี้ถวายให้หลวงพ่อหนูอ่าน เมื่อหลวงพ่อหนูอ่านแล้วก็ถามหลวงพ่ออู๊ดว่า ?คุณอยู่อารามไหนกัน? หลวงพ่ออู๊ดตอบว่า ?เกล้ากระผมอยู่วัดหัตถสารจังหวัดประทุมธานีครับ? หลวงพ่อหนูก็ถามต่อไปอีกว่า ?อ้าว! แล้วจะอยู่เรียนวิชากันอย่างไร? หลวงพ่ออู๊ดตอบว่า ?ผมจะเดินทางไปๆมาๆ เพื่อมาขอศึกษาต่อครับ? หลวงพ่อหนูตอบว่า ?เอ้อ อย่างนั้นไม่ต้องลำบากหรอก เดี๋ยวข้าจะไปหาเอ็งเอง ที่วัดของเอ็งมีต้นโพธิ์ใหญ่อยู่หนึ่งต้นใช่มั้ย? หลวงพ่ออู๊ดตอบว่า ?ใช่ครับหลวงปู่? หลวงพ่อหนูจึงตอบว่า ?เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ถ้าเอ็งไม่เข้าใจหรือติดขัดในวิชาใดๆ เอ็งไปรอข้าที่ต้นโพธิ์ใหญ่ พร้มกับจุดธูป 9 ดอก รำลึกถึงข้า ช้าจะไปหาเอ็งเอง? ท่านผู้อ่านครับเหมือนนิยายมั้ย แต่ฟังก่อนครับหลวงพ่ออู๊ดได้ต่อวิชาต่างๆจากหลวงปู่หนู วัดชีปะขาวจนจบคัมภีร์พระเวท ณ ที่ใต้ต้นโพธิ์ใหญ่วัดหัตถสารนั้นเอง หลวงพ่อเล่าให้ผมฟังแบบนี้ ผมก็ไม่กล้าถามท่านต่อแล้วครับเพราะผมรู้ดีว่าพระเกจิอาจารย์รุ่นเก่าท่านมักจะสำเร็จวิชาย่นระยะทางโดยอาศัยพลังแห่งธาตุเป็นหลัก ซึ่งเราก็อาจจะหาอ่านได้ในนิตยสารพระเกจิต่างๆมากมาย ยกตัวอย่างเช่น หลวงพ่อปาน หลวงพ่อจง หลวงพ่อเดิม ฯลฯ ย้อนเข้ามาถึงเรื่องราวของหลวงพ่อต่อถึงตอนที่โยมแม่พาหลวงพ่อมาฝากเรียนหนังสือขอมและไทย โดยฝากไว้กับหลวงพ่ออู๊ด หลวงพ่อได้เรียนชั้นประถมที่วัดหัตถสารจากหลวงพ่ออู๊ดพร้อมเกร็ดวิชาต่างๆ จนเรียนจบแล้ว หลวงพ่อจึงได้บวชเณรอยู่กับหลวงพ่ออู๊ดที่วัดหัตถสารจนอายุใกล้ครบบวชพระ โยมแม่จึงขอร้องให้ไปบวชที่วัดใกล้บ้านคือวัดสว่างภพนั่นเอง หลวงพ่อได้อุปสมบท เมื่อปี พ.ศ.2487 ณ พัทธสีมาวัดสว่างภพ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี มีพระอธิการเฮ็ง สุมโนเป็นพระอุปัชฌาย์ พระวินัยธรหลุย เป็นพระกรรมวาจารย์และพระอธิการสวัสดิ์ โสตฺถิทตุโตเป็นพระอนุสาวนาจารย์ เมื่ออุปสมบทแล้วได้รับฉายาว่า ?อริโย? และหลังจากได้อุปสมบทแล้วได้กลับไปขอศึกษาวิชาในสายหลวงพ่อกลั่นจากหลวงพ่ออู๊ดต่อ พร้อมกับไปฝากตัวกับพระเถราจารย์รุ่นเก่าอีกมากมายนับไม่ถ้วน พระเถราจารย์ที่หลวงพ่อแสวงได้ศึกษามีดังนี้
    1. หลวงพ่อเลื่อน วัดไผ่ จ.อยุธยา
    2. หลวงพ่อสมบุญ วัดสว่างภพ หลวงพ่อแสวงได้รับการถ่ายทอดวิชาแพทย์แผนโบราณ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2492 ? 2500 จนมีความรู้ความสามารถทางการแพทย์แผนโบราณเป็นอย่างดี
    3. หลวงพ่อโป๋ วัดวังแดง จ.อยุธยา
    4. หลวงพ่อขัน วัดนกกระจาบ จ.อยุธยา หลวงพ่อแสวงได้รับการถ่ายทอดมาหลายวิชา
    5. หลวงพ่ออุ่ม วัดเจ้ากอ จ.อยุธยา
    6. หลวงพ่ออู๊ด วัดหัตถสาร จ.ปทุมธานี
    7. หลวงพ่ออ่ำ วัดวงฆ้อง จ.อยุธยา
    8. หลวงพ่อโอภาส วัดพระศรีไกรน้อย บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา เก่งมากทางสักยันต์ คงกระพันชาตรี
    9. หลวงพ่อจง พุทธสโร แห่งวัดหน้าต่างนอก จ.อยุธยา ที่เราคงจะได้ต้องบรรยายอะไรมาก เพราะว่าทุกๆคนน่าจะรู้จักท่านดี มีเรื่องเล่าขันๆให้ท่านผู้อ่านฟัง วันหนึ่งผมอยากจะรู้ว่าในตะกรุดสิบหกดอกของหลวงพ่อจงลงอักขระเลขยันต์อะไรไว้ ผมจึงขับรถไปหาหลวงพ่อแม้น ที่วัดหน้าต่างนอก เมื่อไปถึงวัดทางสะดวกเลยครับ พระหลวงพ่อแม้นกำลังไม่มีแขกพอดี ผมจึงเรียนถามท่านว่า ?หลวงพ่อครับ ตะกรุดสิบหกดอกของหลวงพ่อจง ลงยันต์อะไรไว้ครับผมอยากจะทราบ? หลวงพ่อแม้นท่านตอบผมว่า ?เอ้อ! คุณโยมมาจากวัดไหน? ผมตอบท่านว่า ?ผมมาจากวัดสว่างภพ จ.ปทุมธานีครับ? หลวงพ่อแม้นท่านยิ้มแล้วตอบผมว่า ?โยมมาซะไกลเลยนะ ไปถามหลวงพ่อแหวงสิ เขาทันเรียนกับหลวงพ่อจงและใกล้ชิดกว่าฉันอีก? มาถึงตอนนี้ไม่อยากจะบรรยายความรู้สึกเลยครับหน้าแตก(หมอไม่รับเย็บเลยงานนี้) ผมรีบขับรถกลับไปวัดสว่างภพทันทีเพื่อไปกราบแทบเท้าหลวงพ่อแสวง ท่านจึงเล่าความจริงให้ผมฟังว่าท่านไปๆมาๆ ระหว่างวัดหน้าต่างนอกและวัดสว่างภพอยู่เป็นปี เพื่อต่อวิชากับหลวงพ่อจง จนหลวงพ่อจงเมตตามาอยู่ช่วยปลุกเสกวัตถุมงคลที่วัดสว่างภพเป็นเวลาถึง 7 วัน 7 คืน พร้อมกับมอบเหล็กจารไว้ให้หลวงพ่อ 1 อัน พร้อมกับผงพุทธคุณ 1 บาตรใหญ่ๆ เพื่อให้หลวงพ่อแสวงสร้างวัตถุมงคลเป็นรูปหลวงพ่อจงและพิมพ์สมเด็จเนื้อผง 1 รุ่น(ครั้งหน้าผมจะโม้ให้ฟังถึงวัตถุมงคลรุ่นนี้ พร้อมกับข่าวดีว่า ยังมีอยู่ที่วัดสว่างภพครับ)
    10. อาจารย์คง เป็นฆราวาสและเป็นศิษย์หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติการาม จ.อยุธยา หลวงพ่อแสวงได้เรียนวิชาอาคมทางด้านคงกระพันแคล้วคลาดและเมตตามหานิยม เรียกได้ว่าครบเครื่อง
    11. อาจารย์หลำ เป็นฆราวาสมีอาคมแก่กล้าทางด้านคงกระพันชาตรี
    12. อาจารย์และพระเกจิอาจารย์ท่านอื่นๆอีกมากมาย แต่ไม่สามารถนำบอกกล่าวกันให้ฟังได้ครับ
    สรุป
    1. หลวงพ่อแสวงเป็นพระที่เก็บตัวไม่ชอบโอ้อวด
    2. เป็นพระเกจิอาจารย์ที่นั่งปรกตามพิธีพุทธาภิเษกมากกว่า 100 งาน แต่ไม่เคยขึ้นชื่อ เพราะว่า พอช่างภาพจะถ่ายรูปหลวงพ่อเดินหนีแล้วครับ(หนีอย่างเดียว)
    3. ตำรวจเก่าๆแถวประตูน้ำพระอินทร์ต้องขอร้องหลวงพ่อให้วางเข็มสัก และห้ามแจกตะกรุดกับเชือกคาด เพราะลูกศิษย์นอกคอกของหลวงพ่อทำให้ตำรวจต้องทำงานหนัก
    4. เป็นพระเกจิอาจารย์รูปเดียวที่นั่งปรกในพิธีของวัดประสาทบุญญาวาส ปี พ.ศ. 2505 และ พ.ศ. 2506 รูปเดียวที่ยังทรงสังขารอยู่(ตำนานที่ยังมีลมหายใจ)
    5. เป็นพระเกจิอาจารย์รูปเดียวที่นึ่งปรกในพิธีการสร้างพระสมเด็จบางขุนพรหม ปี พ.ศ. 2509 และหลวงพ่อยังได้รับแจกสมเด็จพิมพ์คะแนนจากเจ้าอาวาสวัดบางขุนพรหมมาประมาณ 200 องค์(อยากได้ก็ไปตื้อกับหลวงพ่อกันเอาเองนะครับ งานนี้ผมไม่เกี่ยว)
    6. ตอนนี้ญาติโยมที่เป็นชาวมาเลเซียมาตื้อหลวงพ่อให้ขึ้นเครื่องไปโปรดญาติโยมที่มาเลเซีย ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าไปโดนอะไรกันเข้า เห็นบอกว่าถ้าหลวงพ่อไม่ไปมาเลเซีย จะจัดแพ็คเก็จทัวร์รอบพิเศษมากินนอนกันที่วัดสว่างภพกันเลยครับ(เอากันเข้าไป)
    7. มีพระชรารูปหนึ่งปัจจุบันมรณภาพไปแล้ว ซึ่งบวชรุ่นเดียวกันกับหลวงพ่อ เล่าให้ผมฟังว่าเคยแอบดูหลวงพ่อว่าท่านไปทำอะไรในโบสถ์ และเห็นหลวงพ่อเสกผ้าอาบน้ำฝนโยนลงกับพื้น ผ้าอาบน้ำฝนนั้นกลับกลายเป็นกระต่ายสีขาววิ่งรอบตัวหลวงพ่อ(เชื่อไม่เชื่อแล้วแต่วิจารณญาณของแต่ละบุคคลแล้วกันนะครับ งานนี้ผมก็ไม่เกี่ยวอีกนั่นแหละ) แต่รู้ว่าตอนที่พระชรารูปนี้ท่านคุยกับผมท่านบอกว่าจะเอาอาตมาไปสาบาญที่ไหนก็ได้
    บทส่งท้าย
    ถ้าจะเล่าเรื่องประสบการณ์และอภินิหารของวัตถุมงคล ต้องขอยกยอดไว้เที่ยวหน้าแล้วกันนะครับ และถ้าอยากจะได้วัตถุมงคลของหลวงพ่อรุ่นเก่าๆ หรือเหรียญรุ่นแรกไม่ต้องติดต่อมาทางผมเลยนะครับ เพราะว่าตลอดสิบกว่าปีที่ผมเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อผมมีเหล็กจารที่หลวงพ่อได้ให้ไว้อันเดียวครับ และผมเองไม่เคยมีของหลวงพ่อไว้ขายเหมือนอย่างที่ลูกศิษย์ในสายอื่นเค้าทำกัน เพราะผมก็ไม่ได้ตั้งศูนย์พระเครื่อง อ้อ! เกือบลืมไป ล่าสุดนี้กรมศิลปากรได้จัดสร้างพระพิฆเนศ รุ่นที่สอง ทำพิธีปลุกเสกที่กรมศิลปากร บริเวณวังหน้า ทางกรรมการผู้จัดสร้างฝ่ายกรมศิลปากร โหวตรายนามพระเกจิอาจารย์ที่จะเข้านั่งปรกทั่วประเทศให้เหลือ 16 รูป หลวงพ่อแสวงคือหนึ่งในนั้นด้วยครับ
    เอาเป็นว่าเที่ยวหน้าถ้าผมมีเวลาจะมาโม้ให้ท่านฟังกันต่อนะครับ
    ขอความโชคดีมีชัยและจตุรพิธพรชัย จงมีแด่ทุกๆท่านครับ
    โชคดี งดเหล้าวันเข้าพรรษาโดยถ้วนหน้าครับ
    ตะกรุดโทนมหาอุตม์ ที่สุดหน้าทอง หมายปองมีดหมอเทพศาสตรา พญาสิงห์สุดคงทน แก้จนตะเพียนทอง พรั่งพร้อมกริ่งโบราณ อภินิหารหลวงพ่ออู่ทอง
    ประกาศ! วัตถุมงคลของวัดสว่างภพทุกชิ้นในขณะนี้เป็นของเก่าที่หลวงพ่อแสวงอธิษฐานจิตปลุกเสกไว้ให้อย่างเต็มที่ตลอดหลายไตรมาสก่อนมรณภาพ โดยมิได้มีการสร้างเสริมหรือสร้างใหม่แต่อย่างใด จึงขอแจ้งให้บรรดาศิษยานุศิษย์และผู้ศรัทธา
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระสมเด็จปรกโพธิ์หลวงพ่อแสวงวัดสว่างภพ
    ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20250601_181158.jpg IMG_20250601_180952.jpg
     
  14. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,217
    ค่าพลัง:
    +21,388
    FB_IMG_1748773422110.jpg
    เหรียญหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ปี ๒๕๒๙ (หลวงพ่อมหาโพธิ์ วัดคลองมอญ ปลุกเสก ฯ). หลังยันต์เกาะเพชร ตำหรับหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า
    เหรียญหลวงปู่ศุข รุ่นนี้ จัดสร้างโดยนิตยสารพระเครื่องลานโพธิ์ เมื่อ ปี2529 เพื่อสมนาคุณแก่ผู้ที่อุดหนุน นิตสารลานโพธิ์ สร้างถวายให้ หลวงพ่อ มหาโพธิ์ ปลุกเสก 1ไตรมาส
    และผู้จัดสร้างได้นำไปให้ ยอดพระเกจิผุ้เข้มขลังวิทยาคมอธิฐานจิตมากมาย อาทิ
    - หลวงพ่อทิม วัดพระขาว
    - หลวงพ่อมี วัดมารวิชัย
    - หลวงปู่ดู่ วัดสะแก
    - หลวงพ่อแช่ม วัดดอนยายหอม และอีกหลายองค์
    ...ขนาดองค์พระเหรียญกำลังดี ขนาดเท่าเหรียญกระโดดบาตรหลวงปู่ดู่ วัดสะแก จ.อยุธยา
    หลวงพ่อมหาโพธิ์ ญาณสังวโร วัดสุวรรณโคตมาราม (วัดคลองมอญ) ตำบลมะขามเฒ่า อำเภอวัดสิงห์ จังหวัดชัยนาท พระเถระผู้สืบทอดตำรับวิชาคาถาอาคมของพระครูวิมลคุณากร (หลวงปู่ศุข เกสโร) อดีตเจ้าอาวาสวัดปากคลองมะขามเฒ่า อดีตเจ้าคณะอำเภอวัดสิงห์ ซึ่งได้รับการประสิทธิ์ประสาทตำราคัมภีร์ทางพุทธคุณมาจากหลวงพ่อบุญยัง คงคสโร อดีตเจ้าอาวาสวัดหนองน้อย ตำแหน่งฐานานุกรมที่ "พระใบฎีกา" ในพระครูวิมลคุณากร เจ้าคณะอำเภอวัดสิงห์ และพระอาจารย์กลับ แสงเขียว อดีตเจ้าอาวาสวัดดอนตาล ตำแหน่งฐานานุกรมที่ "พระสมุห์" ในพระครูวิมลคุณากร เจ้าคณะอำเภอวัดสิงห์ จนสำเร็จเจนจบทุกวิชา นับเป็นทายาทศิษย์สายตรงรุ่นที่สามของหลวงปู่ศุข ที่ได้รับการถ่ายทอดตำราคัมภีร์ด้านพุทธคุณ มาแต่เพียงผู้เดียว
    หลวงพ่อมหาโพธิ์ท่าน มรณะภาพ เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2549 สิริอายุ 86 ปี
    ประวัตท่านบางส่วนครับ
    ฝึกวิชา
    พระอาจารย์บุญยังได้พยายามถ่ายทอดวิชาต่างๆ ด้านพุทธคุณให้ ตอนแรก ๆ หลวงพ่อไม่สนใจ แต่เมื่ออยู่กับท่านนาน ๆ ไปหลวงพ่อเริ่มมีความสนใจขึ้น เห็นพระอาจารย์ท่านทำอะไร ๆ แปลกๆ ให้เห็นอยู่เรื่อย ๆ เช่น ทำควายธนูด้วยตอกสาน โดยสานมือเดียวแล้ววางไว้ ควายธนูก็มีการขยับเขยื้อนได้ เสกน้ำมันจนเดือดเหมือนน้ำร้อน ฟองเดือดขึ้นมา แต่เมื่อไปสัมผัสด้วยมือกลับไม่ร้อน ทำให้ท่านอยากจะเรียน พระอาจารย์ของหลวงพ่อก็ถ่ายทอดให้ทั้งคาถาปลุกเสก และวิธีฝึก
    วิชาเกราะเพชร
    วิชาหนึ่งที่ท่านชอบและฝึกมาตั้งแต่ต้น คือ “ยันต์เกราเพชร” หรือตาข่ายเพชร โดยหลวงพ่อบุญยังได้เล่าให้ท่านฟังว่าสมัยหลวงปู่ศุข ยังมีชีวิตอยู่ ท่านได้ลองวิชาเกราะเพชรกับพระะรูปหนึ่ง ที่แก่กล้าวิชาที่เดินทางผ่านวัดปากคลองมะขามเฒ่า โดยบอกหลวงปู่สุขว่าจะขี่ม้าพยนต์เข้ามาในโบสถ์ให้ดู หลวงปู่ศุขท่านได้เอาผ้ายันต์เกราะเพชรขึงไว้หน้าประ ตู ปรากฎว่าม้าพยนต์ไม่สามารถผ่านยันต์เกราะเพชรหรือตาข ่ายเพชรไปได้ พระรูปนั้นเมื่อแพ้วิชาของหลวงปู่ศุข ก็ได้เดินทางกลับไปจากวัดปากคลองมะขามเฒ่าเมื่อหลวงพ ่อมหาโพธิ์ได้ฟังจากหลวงพ่อบุญยังเล่าท่านจึงสนใจและ เล่าเรียนวิชาเกราะเพชรลงตระกรุด และผ้ายันต์เกราะเพชรมาตลอดอายุของท่าน
    การลงยันต์เกราะเพชร ต้องท่องสูตรคาภาพระอิติปิโสรัตนมาลา ๕๖ บาท ให้ได้จนขึ้นใจทั้งเดินหน้า และถอยหลังได้รวมทั้งบทปลีกย่อยอื่น ๆ อีกมากมาย ในการลงยันต์เกราะเพชร ท่านบอกว่ายันต์เกราะเพชร เป็นยันต์ที่ค่อนข้างยากผู้เรียกจะต้องมีความขยันหมั ่นเพียร กับความอดทน และการประสิทธิ์ประสาทจากครูบาอาจารย์ น้อยคนนักที่จะลงยันต์เกราะเพชรได้ บางคนมาขอเรียนเห็นพระคาถา ๕๖ บาท ก็ท้อแล้วไม่อยากจะท่องจำ ความเพียรพยายามไม่มี การลงยันต์ก็ต้องหายใจลงตามสูตรพระคาถา ๕๖ บาท ผู้ที่ฝึกฝนใหม่ ๆ ต้องใช้เวลาเรียนเกือบทั้งวันกว่าจะลงยันต์เสร็จ อย่างตัวของหลวงพ่อเองใช้เวลาประมาณ ๒ ชั่งโมง ถือว่าลงได้เร็วมากแล้วเพราะท่านฝึกมา ตั้งแต่อายุยังรุ่นอยู่
    ในสมัยก่อนยามว่าง ท่านมักลงตระกรุดเกราะเพชรและทำผงพุทธคุณเกราะเพชรทั ้งชนิดป้องกันตัว และถอนคุณถอนของคนที่ถูกผีเข้า ท่านจะเอาตะกรุดเกราะเพชรที่เป็นแผ่นแบบยังไม่ได้ม้ว นเป็นตะกรุด ตบหัวคนถูกผีเข้า ผีจะทรุดลง และออกจากตัวคนไข้ไปทันที ตะกรุดส่วนใหญ่ท่านจะใช้แผ่นทองแดงมาลงยันต์เกราะเพช ร ยกเว้นแผ่นถอนของท่านจะใช้แผ่นตะกั่ว ส่วนตะกรุดเนื้อเงินท่านจะลงให้เฉพาะกับศิษย์ใกล้ชิด เท่านั้น เกี่ยวกับประสบการณ์ในตะกรุดเกราะเพชร มี ส.ส.ท่านหนึ่งใน จ.ชันนาท ที่เคารพนับถือหลวงพ่อมากได้ขอตะกรุดท่านไปใช้พกติดต ัว ขณะหาเสียงถูกผู้ที่ปองร้ายใช้ระเบิดปาใส่ ปรากฏว่า ส.ส.ท่านนั้นไม่เป็นอะไรเลย วิชาลงตะกรุดใต้น้ำ
    หลวงพ่อบุญยังได้เรียนวิชาตะกรุดใต้น้ำจากหลวงปู่ศุข โดยสมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ท่านได้ลงให้กับลูกศิษย์ทุกปี แม้กระทั่งพระสมุห์กลับ แสงเขียว ก็ยังขอให้ท่านช่วยลงตะกรุดใต้น้ำที่วัดดอนตาลให้ โดยก่อนที่จะประกอบพิธีจะต้องตั้งเครื่องบูชาครูริมแ ม่น้ำ และต้องตอกเสาหลักไว้ในน้ำสำหรับผู้ที่จะลงตะกรุดเกา ะไว้ ไม่อย่างนั้นจะถูกน้ำพัดลอยไปตามกระแสน้ำ ตะกรุดจะลง และปลุกเสกใต้น้ำเสร็จแล้วจะปล่อยให้ลอยขึ้นมาบนผิวน ้ำ พวกลูกศิษย์ก็จะแจวเรือคอยเก็บอยู่ข้างบน หลวงพ่อบุญยังเล่าให้หลวงพ่อบุญยังฟังว่าน้ำที่
    วัดดอนตาลน้ำเย็นเหลือเกิน หลวงพ่อมหาโพธิ์เล่าว่า ท่านเคยขอเรียนวิชาตะกรุดใต้น้ำนี้จากท่านอาจารย์บุญ ยัง ซึ่งอาจารย์ท่านก็รับปากถ่ายทอดให้แต่ต้องเรียนในวัน เพ็ญเดือน ๑๒ แต่ยังไม่ทันถึงเดือน ๑๒ หลวงพ่อบุญยังก็มรณะภาพลงเสียก่อนเมื่ออายุได้ ๕๕ เป็นที่น่าเสียดายยิ่งนัก ที่หลวงพ่อท่านเรียนจากพระอาจารย์ไม่ทันจึงทำให้วิชา นี้สูญไป
    เกี่ยวกับวันที่หลวงพ่อบุญยังมรณภาพ ชาวบ้านแถบวัดปากคลองมะขามเฒ่า ได้เห็นลูกๆไฟดวงใหญ่ลอยเดินทางไปยังวัดหนองน้อย และได้ลอยกลับมาโดยมีลูกๆไฟดวงเล็กตามมาด้วยเป็นที่ตื อันตาตื่นใจแก่ผู้คนในสมัยนั้นมากเล่าขานกันมาจนถึงปัจุบันนี้
    ชีวิตฆราวาส
    ท่านได้สมรสกับ นางสุขใจ เป็นผู้ที่ค่อนข้างจะมีฐานะดีในจังหวัดชัยนาท แต่ไม่มีบุตรด้วยกัน ได้มีร้านค้าขายของชำอยู่ในอำเภอวัดสิงห์ ยามว่างท่านก็จะไปศึกษาวิชาความรู้ทางไสยศาสตร์กับ พระสมุห์กลับ แสงเขียว วัดดอนตาล ซึ่งถือกันว่าเป็นศิษย์มือขวาของหลวงปู่ศุขเลยทีเดีย ว พระสมุห์กลับภายหลังท่านสึกจากพระเสียอีก
    ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๕๐๐ หลวงพ่อมหาโพธิ์ซึ่งตอนนั้นท่านอยู่ในเพศฆราวาส ท่านได้ลงสมัครเลือกตั้งเป็น เทศมนตรีเทศบาล อำเภอวัดสิงห์ ในวาระ ๔ ปำถึง ๒ สมัย รวมเป็น ๘ ปีถึง พ.ศ.๒๕๐๗ ท่านได้เล่าไห็ฟังว่าตอนหาเสียงท่านก็ไม่ค่อยได้ออกไ ปหาเสียงที่ไหนอยู่ในร้านค้าของท่านในอำเภอวัดสิงห์ ค้าขายของไปวัน ๆ หนึ่ง แต่อาศัยที่ท่านได้รับการถ่ายทอดวิชาไสยศาสตร์จากหลว งพ่อบุญยัง และพระสมุห์กลับ ด้วยอานุภาพความศักดิ์ของวิชา นะฤาชา ที่หลวงพ่อบุญยัง ถ่ายทอดไห้มาเป็นพิเศษ จึงทำให้ท่านเป็นที่รู้จักเลื่องลือไปทั้งอำเภอวัดสิ งห์ เป็นที่นิยมชมชอบของประชาชน อำเภอวัดสิงห์ ท่านลอกว่าท่านไม่ต้องไปเหนื่อยกับการหาเสียงเลย ประชาชนทั่วไปเลือกท่านเป็นเทศมนตรีเทศบาล อำเภอวัดสิงห์ ถึง ๒ สมัย จนในปี ๒๕๑๗ กระทรวงมหาดไทยมอบใบประกอบในประกาศนียบัตร ชมเชยในการทำงานของท่าน ที่พัฒนา อำเภอวัดสิงห์ ให้มีความเจริญก้างหน้าแก่ ท้องถิ่น หลังจากที่ท่านได้หมดวาระในตำแหน่งเทศมนตรีไปแล้ว ๙ ปี
    เหตุที่กลับมาบวช
    หลวงพ่อมหาโพธิ์ท่านได้เล่าว่า ชีวิตของท่านมีความผูกพันกับวัดเสมอห่างจากวัดไม่ได้ แม้จะครองเพศฆราวาสก็ต้องวนเวียนอยู่กับวัด ก่อนที่ท่านจะกลับมาบวชจิตใจก้รุดมร้อน ทำอะไรก็เหมือนคนเสียสติ จนต้องเข้าโรงพยาบาลรักษาตัวโดยไม่มีสาเหตุของโรค จนมีอยู่วันหนึ่งขณะนอนอยู่ที่โรงพยาบาล ท่านได้ลุกขึ้นมาเขียนยันต์ต่าง ๆ ตลอดจนยันต์ครูที่ท่านเคยเรียนมา ได้ทิ้งไปนานไม่ได้ทบทวนเลย ซึ่งในเพศฆราวาสท่านก็ไม่ได้ฝึกฝนทบทวนต่อ เพราะเวลาว่างใหญ่จะไปทางโลกหมด ต้องวุ่นวายกับครอบครัวเรื่องการทำมาหากินเวลาปฏิบัต ิทางธรรมทางวิชาคุณพระก็หย่อนยานไป ขาดการไหว้ครูทุก ๆ ปี ก็เลยทำให้ท่านผิดปรกติ แต่ก็ดลจิตให้นึกขึ้นมาได้ ว่าสาเหตุจากแรงครูนี้เองโดยไม่ต้องให้แพทย์รักษา ในปี พ.ศ.๒๕๐๙ ท่านก็ได้เข้ามาสู่สมณเพศ อุปสมบทเป็นพระภิกษุอีกครั้งที่วัดพานิชนาราม อำเภอวัดสิงห์ จ.ชัยนาท โดยมีพระอุปัชฌาย์ คือ พระครูสิงหชยสิชฌน์ (เจริญ) พระกรรมวาจารย์ พระคูครูแบน เจ้าอาวาสวัดโคกสุข และพระแช่ม เป็นพระอนุสาวนาจารย์ เมื่อวันที่ ๒๖ เดือน มิถุนายน พ.ศ.๒๕๐๙ เวลา ๑๖.จ๕ น.และได้มาตำพรรษา สังกัดวัดโคกสุข ต.หนองน้อย อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาม จนถึงปี พ.ศ. ๒ษ๕๑๓ ได้ย้ายมาตำพรรษาอยู่ ณ วัดคลองมอญ ในวันที่ ๒๖ กันยายน เพราะวัดคลองมอญในเวลานั้นเกือบจะเป็นวัดล้างอยู่แล้ วไม่มีพระภิกษุจำพรรษาอยู่เลย ชาวบ้านที่อาศัยแถววัดคลองมอญ ได้นิมนต์ท่านให้มาปกครองวัดคลองมอญอยู่หลายครั้ง จนท่านต้องมาเป็นเจ้าอาวาสปกครองวัดคลองมอญ ได้สร้างความเจริญให้กับวัดคลองมอญเป็นอันมาก
    กิตติคุณของหลวงพ่อ
    ซื่อเสียงของท่านล่ำลือไปไกลหลายจังหวัด ในเรื่องการรักษาโรคต่าง ๆ ที่ไม่มีสาเหตุ ซึ่งแพทย์แผนปัจจุบันรักษาไม่ได้ บางคนต้องมารักษาเป็นแรมเดือน ตอนนั้นท่านอยู่ในโบสถ์ รักษาคนไข้โรคแปลกๆ มีทั้งคนถูกคูณถูกของ ทั้งเสน่ห์เล่ห์กลต่าง ๆ น้ำมันพรายฯลฯ บางคนป่วยปางตายท่านก็รักษาจนหายมีชีวิตอยู่รอดได้ ผู้มีจิตศรัทธาจำนวนมากต่างก็มานมัสการท่านขอความเมต รตาจากท่านๆก็ได้สงเคราะห์ให้อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหน ื่อย ไม่เลือกชั้น วรรณะ ให้ ความเสมอภาคกับทุกๆ คนเสมอมา จนถึงปี พ.ศ. ๑๔๒๖ ท่านก็ได้หยุดรักษาคนไข้ ประกอบกับอายุสังขารท่าน ก็ชราภาพมากแล้วจึงต้องได้รับการพักผ่อน บำรุงรักษาร่างกายให้มีสุขภาพดี เป็นเนื้อนาบุญให้กับลูกศิษย์ และญาติโยม จะได้พึ่งบารมีของท่านไปได้อีก นาน ๆ จนถึงปัจจุบันนี้ (พ.ศ.๒๕๔๔ ) หลวงพ่อมาหาโพธิ์ญาณสังวโร เป็นทายาทศิษย์สายตรงของหลวงปู่ศุข ที่ถ่ายทอดตำราคัมภีร์ด้านพุทธคุณในศิษย์รุ่นที่ ๓ ที่ได้รับมาแต่ผู้เดียว
    การรักษาโรค
    หลวงพ่อมหาโพธิ์ท่านได้สอนวิธีการรักษาให้กับผู้เขียนในตัวผู้ป่วยที่อยู่ในอาการต่างๆ อาการอย่างไรควรรักษาด้วยวิธีการใด บางคนเป็นแผลเน่าไปทั้งตัว เคยไปรักษาที่โรงพยาบาล หมอปัจจุบันบอกว่าเป็นมะเร็ง รักษาอยู่หลายปีไม่หาย ได้ยินชื่อเสียงของหลวงพ่อมหาโพธิ์ ญาติพี่น้องได้พามารักษาที่ วัดคลองมอญ เมื่อหลวงพ่อดูอาการแล้วบอกว่า “โดนผีคุณ” ไม่ไช่มะเร็งหลวงพ่อท่านได้ใช้ปูนกับน้ำมนต์รักษาคนไ ข้ ใช้มีดหมอสับ และไม้เท้ากดตามตัวคนไข้ ก่อนทำการรักษาต้องมีดอกไม้ ธูปเทียน และเงิน ๖ บาทสลึงเป็นค่าบูชาครู และต้องบนครูด้วยว่า เมื่อหายจากอาการป่วยแล้วจะถวายครูด้วยไก่ ๑ ตัว, เหล้าขาว ๑ ขวด ,กล้วย ๑หวี, ข้าวสาร ๑ ถ้วย , และเงิน ๖ บาทสลึง เป็นสิ่งที่แปลกผู้คนส่วนมาก ที่มารักษาจากหลวงพ่อหายจากโรคร้ายทุกคน เมื่อถึงวันไหว้ครูจะมีผู้คนมามากมายถวายขวัญข้าวครู เต็มโบสถ์ไปหมดแทบจะไม่มีทางเดินเลย
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    เหรียญหลวงปู่ศุขพ่อมหาโพธิ์ วัดคลองมอญ ชัยนาทปลุกเสกหลังยันต์เกราะเพชร (ตาข่ายเพรช) ใช้ แทน ตะกรุดผ้ายันต์ของหลวงพ่อได้ครับ
    ให้ผมหา 350 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20250601_171020.jpg IMG_20250601_171208.jpg
     
  15. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,217
    ค่าพลัง:
    +21,388
    1383289-2bd53.jpg 1383289-198f2.jpg

    เหรียญ ร.๕ ลงยา "รวย" เนื้อกะไหล่ทองลงยาสองสี นิตยสารศักดิ์สิทธิ์ ปี ๒๕๓๖
    นิตยสารศักดิ์สิทธิ์สร้างอภินันทนาการแก่สมาชิกของนิตยสาร ปฐมอภิมหามังคลาภิเษก ณ อุโบสถวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม ปี พ.ศ. 2536 เนื้อกะไหล่ทอง ลงยา 2 สีครับ ขนาดความกว้างของเหรียญ 3 ซ.ม. ความสูงถึงหูเหรียญ 4 ซ.ม.
    เหรียญรุ่นรี้นอกจากพิธีมหาพุทธาภิเษกใหญ่แล้วยังได้รับเมตตา "มนต์" (อธิษฐานจิต) จากหลวงพ่อเกษม เขมโก สุสานไตรลักษณ์ จ.ลำปางอีกด้วย ดังนั้นพุทธคุณจึงครบทุกด้าน หายห่วง เลยครับ
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    เหรียญสวยสภาพเดิมซองเดิมครับ
    ให้บูชา 200 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20250531_235546.jpg IMG_20250531_235636.jpg IMG_20250531_234723.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...